“พาณิชย์” ชงไนจีเรียจัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจ ใช้เป็นกลไกขยายความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน ร่วมมือเศรษฐกิจ และแก้ไขปัญหาการค้า พร้อมเสนอลดและยกเลิกมาตรการจำกัดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะข้าว เพื่อทวงส่วนแบ่งตลาดของไทยกลับคืน
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับนายอาห์เมด นูฮู บามัลลี เอกอัครราชทูตแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรียประจำประเทศไทย เกี่ยวกับการขยายการค้า การลงทุน และกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับไนจีเรีย โดยไทยได้เสนอให้สองฝ่ายจัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยลดอุปสรรคทางการค้าและส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจของสองประเทศ โดยเฉพาะในสาขาที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน เช่น เกษตร อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น
ทั้งนี้ ไทยได้ขอให้ไนจีเรียพิจารณาลดและยกเลิกมาตรการจำกัดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าข้าวที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวของไทยไปไนจีเรีย โดยไนจีเรียเคยเป็นตลาดส่งออกข้าวที่ใหญ่ที่สุดของไทยในภูมิภาคแอฟริกา ส่วนไนจีเรียได้ขอให้ไทยสนับสนุนองค์ความรู้และผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสินค้าเกษตร การเพิ่มมูลค่าสินค้า และการพัฒนาความร่วมมือในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งไทยยินดีสนับสนุน
สำหรับไนจีเรียเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในแอฟริกา มีประชากรกว่า 190 ล้านคน ถือเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก และคู่ค้าในทวีปแอฟริกาลำดับต้นๆ ของไทย เช่น ธุรกิจด้านการเกษตรกรรม สินค้าเกษตรแปรรูป ร้านอาหาร ภัตตาคาร และโรงแรม เป็นต้น และเป็นแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่สำคัญ ซึ่งการผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้ากับไนจีเรีย ผ่านการจัดทำความตกลงทางการค้าฯ และความร่วมมือด้านการพัฒนาในสาขาที่ไทยมีศักยภาพจะเป็นการรักษาส่วนแบ่งตลาดของไทยในไนจีเรียและภูมิภาคแอฟริกาได้
ในปี 2560 ไนจีเรียเป็นคู่ค้าอันดับที่ 51 ของไทยในตลาดโลก และมีศักยภาพเป็นลำดับที่ 4 ในทวีปแอฟริกา รองจากแอฟริกาใต้ อิยิปต์ และเบนิน การค้ารวมมีมูลค่า 670.43 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออก 169.28 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 69 และนำเข้ามูลค่า 501.15 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นแหล่งนำเข้าอันดับที่ 41 สินค้าส่งออกสำคัญของไทย เช่น เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ ข้าว และเครื่องปรับอากาศ และสินค้านำเข้าสำคัญ เช่น น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ ด้ายและเส้นใย และเครื่องเพชรพลอย อัญมณี