“เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์” มั่นใจปีนี้มีธุรกิจไฟฟ้าและเยื่อกระดาษช่วยพยุงหลังราคาน้ำตาลโลกดิ่ง ลุ้นรายได้ปีนี้โตกว่าปีก่อนที่ 1.8 หมื่นล้านบาท
นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS เปิดเผยว่า ในปีนี้ธุรกิจไฟฟ้าและเยื่อกระดาษจากชานอ้อยจะช่วยเพิ่มรายได้ให้บริษัททดแทนรายได้จากธุรกิจน้ำตาลที่ลดลงจากปริมาณน้ำตาลในตลาดโลกล้นเกินความต้องการถึง 12 ล้านตันในปีนี้ ส่งผลกดดันให้ราคาน้ำตาลโลกอ่อนตัวลงมาอยู่ที่12 เซ็นต์/ปอนด์
ทั้งนี้ บริษัทมีอ้อยเข้าหีบอ้อยฤดูการผลิตปี 2560/2561 อยู่ 11.6 ล้านตันอ้อย ผลิตน้ำตาลทรายได้ 11.8 ล้านกระสอบ เพิ่มขึ้น 25.5% จากปีก่อน และได้น้ำตาลทราย 9.4 ล้านกระสอบ ซึ่งปริมาณอ้อยเข้าหีบที่เพิ่มขึ้นทำให้มีวัตถุดิบคือชานอ้อยมากขึ้น และบริษัทรับซื้อใบอ้อยจากเกษตรกรมาเป็นเชื้อเพลิงด้วยทำให้ปีนี้บริษัทจะสามารถผลิตไฟฟ้าชีวมวลได้นานถึงเดือนสิงหาคม
“ปริมาณอ้อยที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนี้ทำให้มีวัตถุดิบป้อนให้กับโรงงานต่างๆ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากขึ้น โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล ซึ่งมีรายได้จากการขายไฟฟ้าไตรมาสแรกปีนี้ 449 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 82.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อนที่มีรายได้ 246 ล้านบาท” นายณัฎฐปัญญ์กล่าว
สำหรับโรงงานผลิตเยื่อกระดาษชานอ้อยและบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากเยื่อชานอ้อยก็มีวัตถุดิบมากขึ้นเช่นกัน ประกอบกับราคาขายเยื่อกระดาษปีนี้สูงกว่าปีก่อน จึงเชื่อว่ารายได้จากสายธุรกิจนี้จะมีการเติบโตที่ดี
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทมั่นใจว่ารายได้จากการขายและให้บริการจะเติบโตดีกว่าปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 18,193.03 ล้านบาท เนื่องจากมีปริมาณการผลิตน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนแม้ว่าราคาน้ำตาลโลกจะไม่ดีและรับรู้รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น
ผลการดำเนินงานของกลุ่ม KTIS ในไตรมาสแรกปี 2561 (มกราคม-มีนาคม 2561) บริษัทมีรายได้รวม 4.22 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 และมีกำไรสุทธิไตรมาสแรกปีนี้ 86 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 412 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ลดลงมาก