เปิดตัว!!! TAXI VIP ล็อตแรกของประเทศไทย บริการสุดหรูระดับพรีเมียมด้วยรถ Mercedes-Benz รุ่น C 350 e Avantgarde!!! ช่วง 2 เดือนมีบริการ 100 คัน กดมิเตอร์ เริ่มต้น 2 กม.แรก 150 บาท กม.ต่อไป กม.ละ 12-16 บาท กรณีรถติดนาทีละ 6 บาท เรียกผ่านศูนย์บริการครั้งละ 50 บาท จองล่วงหน้าครั้งละ 100 บาท
วันนี้ (1 มิถุนายน 2561) กรมการขนส่งทางบกได้เปิดตัวรถ TAXI VIP ของบริษัท ออล ไทย แท็กซี่ จำกัด ซึ่งใช้รถยนต์ Mercedes-Benz รุ่น C 350 e Avantgarde มาให้บริการเพื่อยกระดับการให้บริการรถแท็กซี่ทัดเทียมมาตรฐานสากล พร้อมขยายขอบเขตการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะให้รองรับความต้องการเดินทางของผู้โดยสารได้ทุกกลุ่ม โดยนำรถแท็กซี่เบนซ์มาโชว์ 15 คันแรก ผ่านการจดทะเบียนแล้ว 5 คัน ที่เหลือจะเร่งดำเนินการ โดยภายใน 2 เดือนจะเพิ่มจำนวนรถเป็น 100 คัน ขณะที่กรมฯ มีเป้าหมายจะมีรถ TAXI VIP จำนวน 10,000 คัน
นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบกได้ยกระดับคุณภาพมาตรฐานรถแท็กซี่ไทย ภายใต้การดำเนินโครงการ TAXI OK และ TAXI VIP ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. 2560 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นการพัฒนามาตรฐานรถแท็กซี่ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งด้านสมรรถนะตัวรถ ระบบบริหารจัดการ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ควบคู่กับการยกระดับการให้บริการ สามารถเรียกใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันได้อย่างสะดวก ซึ่งปัจจุบันรถแท็กซี่จดทะเบียนใหม่ทุกคันจะต้องติดตั้งอุปกรณ์ตามมาตรฐาน TAXI OK ผู้ขับรถผ่านการตรวจสอบประวัติ มีใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะถูกต้อง ทั้งนี้ สำหรับการให้บริการรถ TAXI VIP เป็นรูปแบบการให้บริการที่เป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับรองรับความต้องการกลุ่มผู้โดยสาร
เช่น ลูกค้าองค์กรธุรกิจ, ธุรกิจโรงแรม, นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยว ที่ต้องการความหรูหราสะดวกสบายและการให้บริการในการเดินทางระดับพรีเมียม ผู้ให้บริการต้องดำเนินการในรูปแบบนิติบุคคลที่มีการบริหารงานอย่างเป็นมืออาชีพ มาตรฐานตัวรถต้องมีสมรรถนะสูงกว่ารถแท็กซี่ทั่วไป เป็นรถใหม่หรือมีอายุการใช้งานไม่เกิน 2 ปี และไม่เกิน 20,000 กิโลเมตร เสริมความปลอดภัยด้วยระบบช่วยเบรกแบบ ABS และมีถุงลมนิรภัยที่นั่งตอนหน้าอย่างน้อย 1 คู่ กล่องป้ายไฟแสดงข้อความ TAXI VIP หรือข้อความอื่นตามที่กรมการขนส่งทางบกให้ความเห็นชอบ เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้บริการทราบว่าเป็นรถแท็กซี่แบบพิเศษ
สำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ส่วนควบภายในรถเหมือนกับ TAXI OK ประกอบด้วย ติดตั้ง GPS Tracking พร้อมอุปกรณ์แสดงตัวผู้ขับรถ, มาตรค่าโดยสาร, ปุ่มฉุกเฉินสำหรับผู้โดยสารอย่างน้อย 1 จุด ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้และใช้งานสะดวก, กล้องบันทึกภาพภายในรถแบบ Snap Shot ทำงานร่วมกันได้แบบ Real-time ส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการของผู้ประกอบการ และศูนย์บริหารจัดการรถแท็กซี่ของกรมการขนส่งทางบก (DLT TAXI CENTER) พร้อมบริการสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันตลอดการเดินทาง
สำหรับอัตราค่าบริการ TAXI VIP เริ่มต้น 2 กิโลเมตรแรก 150 บาท กิโลเมตรต่อไปกิโลเมตรละ 12-16 บาท กรณีรถติดนาทีละ 6 บาท กรณีเรียกรถผ่านศูนย์บริการสื่อสารครั้งละไม่เกิน 50 บาท การจองล่วงหน้าและการจ้างจากท่าอากาศยานครั้งละไม่เกิน 100 บาท
นางเครือวัลย์ วงศ์รักมิตร กรรมการ บริษัท ออล ไทย แท็กซี่ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท ออล ไทย แท็กซี่ จำกัด เป็นบริษัทในเครือของนครชัยแอร์ ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งยกระดับการให้บริการและคุณภาพชีวิตของประชาชน ภายใต้กฎระเบียบข้อบังคับและนโยบายของภาครัฐ ขานรับนโยบายยกระดับคุณภาพแท็กซี่เปิดให้บริการ TAXI VIP ด้วยรถยนต์ Mercedes-Benz รุ่น The C 350 e Avantgarde พร้อมระบบบริหารจัดการควบคุมการเดินรถที่ทันสมัยตามมาตรฐานของบริษัทฯ และให้บริการมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้โดยสารตลอดการเดินทาง เช่น น้ำดื่มฟรี, หนังสือพิมพ์, ผ้าเย็น, บริการฟรี Wi-Fi, ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือ ฯลฯ เริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการทันทีตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2561 เป็นต้นไป โดยสามารถเรียกใช้บริการได้หลากหลายช่องทาง ผ่านแอปพลิเคชัน TAXI OK ของกรมการขนส่งทางบก หรือแอปพลิเคชัน ALL THAI TAXI, ผ่านLine @allthaitaxi และ Call Center 0-2018-9799
เบื้องต้นคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 6,000 บาทต่อคันต่อวัน เพื่อให้ครอบคลุมต้นทุนค่ารถ ค่าพนักงานขับรถ และค่าดำเนินการต่างๆ ซึ่งรถที่นำมาให้บริการจะมีทั้งที่เป็นของบริษัทฯ เอง และรถของคนขับที่นำมาเข้าร่วมโครงการกับบริษัทฯ โดยบริการจะเป็นมาตรฐานเดียวกัน
มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า Mercedes-Benz ถือเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับพรีเมียมที่ถูกนำมาใช้เพื่อเป็นรถแท็กซี่บริการผู้โดยสารคนสำคัญในหลากหลายประเทศชั้นนำของโลก เช่น ประเทศเยอรมนี ประเทศนอร์เวย์ และประเทศอังกฤษ ดังนั้น ความร่วมมือในครั้งนี้จึงนับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่จะมีส่วนช่วยยกระดับขนส่งมวลชนในประเทศไทยให้มีมาตรฐานระดับสากล ซึ่งรถยนต์ Mercedes-Benz รุ่น The C 350 e Avantgarde เป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดภายใต้แบรนด์เทคโนโลยี EQ-Electric Intelligence by Mercedes-Benz มีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 58 กรัมต่อกิโลเมตร และสามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV) เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 33 กิโลเมตร จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดมลภาวะบนท้องถนน ตอบสนองนโยบายความปลอดภัยในการเดินทางด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่มาพร้อมกับความหรูหราสะดวกสบาย