ผู้จัดการรายวัน 360 - “ซีพี-เมจิ” รุกหนักตลาดโยเกิร์ต ปลุกตลาดรวมที่ตกลง 6% หวังพลิกฟื้น ปรับครั้งใหญ่รอบ 10 ปี ทุ่มงบ 470 ล้านบาท ดันโยเกิร์ต ชูพรีเซ็นเตอร์ครั้งแรกรอบ 10 ปี กลุ่มเมนสตรีม เชื่อกระตุ้นรายเก่าเร่งสร้างตลาดคึกคัก
น.ส.สลิลรัตน์ พงษ์พานิช รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจนมและโยเกิร์ต ของเครือซีพี กล่าวว่า ตลาดรวมผลิตภัณฑ์นมมีการเติบโต ขณะที่ตลาดรวมผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตเมื่อปี 2560 กลับเติบโตลดลง 10% จากมูลค่าตลาดรวมโยเกิร์ต 4,300 ล้านบาท (แยกเป็นกลุ่มเมนสตรีม 80% และกลุ่มพรีเมียม 20%) ขณะที่ช่วง 4 เดือนแรกปี 2561 นี้ ตลาดรวมตก 6%
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี อัตราการบริโภคโยเกิร์ตของคนไทยตกลง 10% เหลือแค่ 4 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ขณะที่คนญี่ปุ่นบริโภคมากกว่าไทย 1 เท่าครึ่ง ส่วนคนยุโรปบริโภคมากกว่าไทย 5 เท่าตัว รวมทั้งผู้นำตลาดไม่ได้มีการขับเคลื่อนธุรกิจในตลาดรวมมากนักจึงทำให้ตลาดรวมค่อนข้างทรงตัวและตกลง
ทั้งนี้ ซีพี-เมจิ ยังคงเติบโตและเป็นผู้นำอันดับที่สองด้วยส่วนแบ่งตลาด 13% (แบ่งเป็น บัลแกเรียในกลุ่มพรีเมียม แชร์ 7% ส่วนซอฟต์โยเกิร์ต หรือเมนสตรีม มีแชร์ 6%) ขณะที่ผู้นำตลาด คือ ดัชชี่ในเครือดัชมิลล์ครองตลาดมากถึง 70% อันดับ 3 คือ บีทาเก้น มีแชร์ 5% นอกนั้นก็เป็นรายย่อยที่มีแชร์ไม่มากนัก
อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 นี้คาดว่าตลาดรวมน่าจะกลับมาเติบโตได้บ้าง เพราะที่ผ่านมามีโลคอลแบรนด์รายใหญ่ในตลาดสินค้าอื่นได้เข้าสู่ตลาดโยเกิร์ตนี้ด้วย รวมทั้งการที่เบอร์ 2 อย่างซีพี-เมจิ มีการรุกตลาดอย่างหนักจากนี้ก็จะยิ่งทำให้ผู้ประกอบการรายเดิมมีความเคลื่อนไหวมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ล่าสุด บริษัทฯ ได้ปรับปรุงครั้งใหญ่รอบ 10 ปีของโยเกิร์ตเซกเมนต์เมนสตรีมแบบถ้วยทั้งหมด สูตรสินค้า 5 รสชาติที่มีเนื้อนุ่มแน่นไม่เหลว ชูจุดเด่นแม้ส้อมก็ยังตักได้ ถ้วยขนาด 135 กรัม ราคา 14 บาท แพกเกจจิ้งฝาใหม่เปิดง่ายไม่บาดมือ ภาพลักษณ์แบรนด์ที่ทันสมัยเน้นสุขภาพ จับกลุ่มผู้ชายและผู้หญิงอายุ 15-29 ปี การทำตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เช่น ยูทูป เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ โฆษณาต่อเนื่อง เป็นต้น และการใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นครั้งแรกของโยเกิร์ตถ้วยเมนสตรีมซีพี-เมจิ คือ “วี-วิโอเลต วอเทียร์” ด้วยงบการตลาดรวม 70 ล้านบาท จากงบตลาดรวมทั้งบริษัทฯ 400 ล้านบาท
อีกทั้งลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท ในการปรับปรุงไลน์การผลิตที่โรงงานเดิม และเพิ่มกำลังผลิตอีกเท่าตัว รองรับทำขยายตลาดทั้งในประเทศและส่งออกด้วย (ปัจจุบันส่งออกสัดส่วน 20% ตลาดหลัก คือ สิงคโปร์ และฮ่องกง และเริ่มทำตลาดซีแอลเอ็มวีแล้ว) โดยบริษัทฯ คาดหวังยอดขายรวมเติบโต 50% ในปี 2561 และเพิ่มแชร์เป็น 16% ในสิ้นปีนี้จากปัจจุบันมีแชร์ 13% และปีหน้าเพิ่มเป็น 20% (สรุปใช้งบรวมเฉพาะซีพี-เมจิ โยเกิร์ต 470 ล้านบาท)
น.ส.สลิลรัตน์กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้รวมทั้งบริษัทปีนี้เติบโต 8% เป็น 9,000 ล้านบาท จากรายได้รวม 8,200 ล้านบาท เมื่อปีที่แล้ว และสัดส่วนรายดัแบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์นม 80% และโยเกิร์ต 20% โดยในส่วนของโยเกิร์ต สัดส่วนส่งออก 20% และจะเพิ่มเป็น 30% ในปีหน้า