“อุตตม” เผย นักลงทุนเชื่อมั่นไทยพร้อมปักหมุดลงทุนอีอีซีเพิ่มขึ้นหลัง “แจ็ค หม่า” บินลงนามร่วมมือกับไทย ยันเอสเอ็มอีอย่ากังวลกรณีอาลีบาบา เหตุไม่มีข้อผูกพันเชิงพาณิชย์ที่ต้องใช้บริการพร้อมเปิดกว้างรายอื่นให้ร่วมมือเพื่อไทยแลนด์ 4.0
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากการที่ นายแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารกลุ่มอาลีบาบา ลงนาม MOU กับไทย เพื่อร่วมพัฒนา อี-คอมเมิร์ซ นั้น ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นต่อการลงทุนมากขึ้น จึงคาดว่าจะมีการลงทุนต่อเนื่องจากจีนเข้ามาอีก แต่ทั้งนี้ไทยเองจะเน้นอุตสาหกรรมเป้าหมายเป็นสำคัญ และขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมแผนที่จะเดินทางไปโรดโชว์เพิ่มเติมที่จีนและยุโรป
อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลของผู้ประกอบการโดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) และสตาร์ทอัปต่อการเข้ามาของอาลีบาบานั้น พอเข้าใจได้ แต่การลงนามเป็นเรื่องของการมุ่งเน้นพัฒนาคนไม่มีข้อผูกพันเชิงพาณิชย์ที่จะต้องมีเงื่อนไขให้ไปใช้บริการตลาดค้าออนไลน์ของอาลีบาบาแต่อย่างใด และยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศรายอื่นเข้ามาร่วมพัฒนาด้วย
“ขณะนี้เรื่อง อี-คอมเมิร์ซ เป็นกระแสทั่วโลกไม่มีเส้นแบ่งแยก เอสเอ็มอีไทยจำเป็นต้องเข้าถึง อาลีบาบาเองเสนอตัวมาเกือบ 2 ปี ตามแนวทางที่รัฐกำหนดที่ต้องการไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ดังนั้นวั นนี้ไม่มีอาลีบาบามาทุกส่วนก็ต้องปรับตัวและรัฐเองพร้อมที่จะดูแลโดยมีมาตรการสนับสนุนทั้งทางการเงินและไม่ใช่การเงินที่จะทำให้เข้าถึงเทคโนโลยีเพื่อก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0” นายอุตตม กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้คณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ชุดใหม่ที่มี นายสุพันธุ์ มงคลสุธี เป็นประธานเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมไปสู่ยุค 4.0 โดยเฉพาะการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายและบุคลากรสายอาชีวะให้เข้มข้นมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาเอสเอ็มอี เป็นต้น ซึ่งในส่วนของแผนพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพเฟส 2 จะเข้า ครม. ได้ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากการที่ นายแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารกลุ่มอาลีบาบา ลงนาม MOU กับไทย เพื่อร่วมพัฒนา อี-คอมเมิร์ซ นั้น ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นต่อการลงทุนมากขึ้น จึงคาดว่าจะมีการลงทุนต่อเนื่องจากจีนเข้ามาอีก แต่ทั้งนี้ไทยเองจะเน้นอุตสาหกรรมเป้าหมายเป็นสำคัญ และขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมแผนที่จะเดินทางไปโรดโชว์เพิ่มเติมที่จีนและยุโรป
อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลของผู้ประกอบการโดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) และสตาร์ทอัปต่อการเข้ามาของอาลีบาบานั้น พอเข้าใจได้ แต่การลงนามเป็นเรื่องของการมุ่งเน้นพัฒนาคนไม่มีข้อผูกพันเชิงพาณิชย์ที่จะต้องมีเงื่อนไขให้ไปใช้บริการตลาดค้าออนไลน์ของอาลีบาบาแต่อย่างใด และยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศรายอื่นเข้ามาร่วมพัฒนาด้วย
“ขณะนี้เรื่อง อี-คอมเมิร์ซ เป็นกระแสทั่วโลกไม่มีเส้นแบ่งแยก เอสเอ็มอีไทยจำเป็นต้องเข้าถึง อาลีบาบาเองเสนอตัวมาเกือบ 2 ปี ตามแนวทางที่รัฐกำหนดที่ต้องการไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ดังนั้นวั นนี้ไม่มีอาลีบาบามาทุกส่วนก็ต้องปรับตัวและรัฐเองพร้อมที่จะดูแลโดยมีมาตรการสนับสนุนทั้งทางการเงินและไม่ใช่การเงินที่จะทำให้เข้าถึงเทคโนโลยีเพื่อก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0” นายอุตตม กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้คณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ชุดใหม่ที่มี นายสุพันธุ์ มงคลสุธี เป็นประธานเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมไปสู่ยุค 4.0 โดยเฉพาะการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายและบุคลากรสายอาชีวะให้เข้มข้นมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาเอสเอ็มอี เป็นต้น ซึ่งในส่วนของแผนพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพเฟส 2 จะเข้า ครม. ได้ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
