ปตท. เร่งศึกษาโครงการแยกอีเทนออกจากแอลเอ็นจี ป้อนโรงงานปิโตรเคมี รองรับก๊าซฯในอ่าวไทยลดลงคาดสรุปชัดเจนปีนี้
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการแยกก๊าซอีเทนออกจากก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG)หรือEthane Extractionว่า ขณะนี้ปตท.ร่วมกับกับบริษัทลูก คือบมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการเปรียบเทียบกับวัตถุดิบอื่นที่ทำปิโตรเคมีไม่ว่าจะเป็นแนฟทาและแอลพีจี คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้
ทั้งนี้แอลเอ็นจีนำเข้าส่วนใหญ่จะมีคุณสมบัติของก๊าซใกล้เคียงกัน หากต้องลงทุนแยกอีเทนออกจากแอลเอ็นจีจะคุ้มการลงทุนหรือไม่ต้องเปรียบเทียบกับคาดการณ์ราคาแนฟทาและแอลพีจีในอนาคตจะเป็นอย่างไร
แหล่งข่าวจากบมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) กล่าวว่าโครงการEthane Extraction อยู่ระหว่างการศึกษาควบคู่กับการติดตามการประมูลแหล่งก๊าซเอราวัณและบงกชที่จะสิ้นสุดสัญญาในปี2565-66ว่าผลการประมูลรอบนี้ออกมาเป็นอย่างไร ขณะเดียวกันช่วงนี้ราคาก๊าซฯถูกกว่าแนฟทาค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งมาจากการค้นพบและผลิตแอลเอ็นจีเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้โครงการปรับปรุงกระบวนการผลิตโรงโอเลฟินส์(ORP)ช่วยให้บริษัทมีปริมาณการผลิตเอทิลีนเท่าเดิมแม้ว่าปริมาณก๊าซฯในอ่าวไทยลดลง เพราะมีการนำแนฟทาและแอลพีจีมาแครกเพื่อผลิตเป็นเอทิลีนแทนที่จะขายออกไป
โครงการแยกก๊าซอีเทนจากแอลเอ็นจี(Ethane Extraction)เบื้องต้นมีขนาด 5 แสนตัน/ปี มูลค่าการลงทุนราว 300 ล้านเหรียญสหรัฐ มุ่งหวังที่จะนำอีเทนจากแอลเอ็นจีมาต่อยอดผลิตปิโตรเคมีสร้างมูลค่าเพิ่มแทนที่จะส่งแอลเอ็นจีให้กับโรงไฟฟ้าเป็นเชื้อเพลิงในการผลิต หลังจากปริมาณก๊าซฯในอ่าวไทยลดลง