“อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ” ปลื้มผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2561 ฉลุยยอดรวมโตขึ้น 6% รับแบ็กล็อกล้นมือกว่า 700 ล้านบาท เผยภาครัฐและเอกชนใส่งบอีเวนต์คึกคัก ส่งผลตลาดอีเวนต์ปีนี้เติบโต 10-12% หรือราว 1.32 หมื่นล้านบาท
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า “จากผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้เติบโตขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน 6% โดยมาจากกลุ่มมาร์เกตติ้ง เซอร์วิส (Marketing Service) ที่ให้บริการงานด้านการสื่อสารการตลาดอย่างครบวงจรให้กับลูกค้าคิดเป็น 87% ของรายได้รวม ตอกย้ำจุดยืนของบริษัทฯ ในการเป็นผู้นำธุรกิจอีเวนต์ของประเทศไทย
ผลประกอบการที่มีอัตราการเติบโตขึ้นนั้นเป็นผลมาจากสถานการณ์บ้านเมืองที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้ผู้ประกอบการต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนกลับมาอัดฉีดงบให้กับการจัดงานอีเวนต์มากขึ้น และจากการที่บริษัทฯ ได้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดงานใหญ่ให้แก่ภาครัฐอย่างงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ณ พระลานพระราชวังดุสิต และสนามเสือป่า เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ - 11 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากคนไทยอย่างล้นหลาม ช่วยปลุกกระแสให้คนไทยรุ่นใหม่รู้จักการแต่งกายชุดไทยในยุครัชกาลที่ ๕ และปลุกความภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมไทยให้กลับสู่ใจคนไทยอีกครั้ง นับเป็นเกียรติสูงสุดของบริษัทฯ ที่ได้มีโอกาสได้ทำงานสำคัญในครั้งนี้ ตามด้วยงานประกาศผลรางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 27 รวมถึงงานประจำปีของหน่วยงานใหญ่ต่างๆ และงานเปิดตัวสินค้าอีกกว่า 4-5 งาน เป็นต้น
สำหรับทิศทางในไตรมาสที่ 2 มองว่าจะยังคงเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี และมั่นใจว่าจะสร้างการเติบโตของผลประกอบการอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ เร่งลุยงานบิ๊กอีเวนต์จากภาครัฐ และเอกชนอย่างเต็มที่ นอกจากนี้อยากให้จับตาดูเมกะโปรเจกต์ปลายปี กับงานเปิดตัวโครงการขนาดใหญ่ มูลค่าการจัดงานไม่ต่ำกว่ากว่า 200 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทมีตัวเลขรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 700 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะสามารถทำรายได้ถึง 1,650 ล้านบาท”
“สำหรับภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ปี 2561 คาดว่าจะเติบโตได้มากกว่า 10% หรือราวๆ 1.32 หมื่นล้านบาท ผู้ประกอบการภาคเอกชนจะเริ่มกลับมาลุยทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างเต็มที่ หลังจากผ่านพ้นช่วงสถานการณ์ความโศกเศร้าของประเทศไทย โดยทิศทางการจัดงานจะเป็นในรูปแบบของเอนเตอร์เทนเมนต์เป็นหลัก อีกทั้งยังต้องจับตาดูกระแสนิยมไทยฟีเวอร์ที่เริ่มต้นมาจากงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ต่อเนื่องถึงละครดังอย่าง “บุพเพสันนิวาส” ที่จะยังฮอตฮิตต่อไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยเร็วๆ นี้บริษัทฯ กำลังจะมีอีเวนต์อีก 2-3 งานที่ต่อยอดจากการนำคอนเทนต์ดังกล่าวมาพัฒนาเป็นงานอีเวนต์ อีกไม่นานคงจะได้ทราบรายละเอียดกันอย่างเป็นทางการ” นายเกรียงไกรกล่าว