เปิดใจว่าที่ซีอีโอ ปตท.คนใหม่ “ชาญศิลป์ ตรีนุชกร” พร้อมทำงานสานต่อเพื่อนำพาองค์กร ปตท.ยั่งยืนและความภาคภูมิใจให้คนไทย ระบุไม่ได้ตำแหน่งมาเพราะเส้นสาย และไม่ได้เอี่ยวคดีทุจริตปลูกปาล์มในอินโดนีเซีย
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีและวิศวกรรม บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวยืนยันว่า การที่ตนได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.คนใหม่ต่อจากนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ที่จะเกษียณอายุในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ไม่ได้มีเส้นสายแต่อย่างใด แม้ว่าจะมีระยะเวลาทำงานเพียง 1 ปี 8 เดือนก็ตาม แต่ด้วยความเป็นลูกหม้อทำงานในกลุ่ม ปตท.มานานถึง 35 ปี ทำงานเป็นกรรมการบริษัทมาถึง 16 แห่ง และเป็นประธานบริษัท 5 แห่ง ประกอบกับ ปตท.มีการวางการทำงานที่ต่อเนื่อง เช่น โครงการ “PTT 3D” ต้องยอมรับว่า ปตท.ก็เหมือนองค์กรอื่นๆ เมื่อผู้บริหารยุค BABY BOOM เกษียณแล้วจะเกิดการขาดช่วง จึงต้องเตรียมคนให้เกิดการทำงานต่อเนื่องเพื่อให้องค์กรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
“แผน PTT 3D ในปัจจุบันจะต้องต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มด้านฟอสซิลทั้งน้ำมัน ปิโตรเคมี ก๊าซธรรมชาติ ในขณะเดียวกันก็ต้องดูเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้น ต้องเน้นเรื่องพลังงานทดแทน ผมก็มาประสานต่อและเดินหน้าเพื่อให้ ปตท.เป็นองค์กรที่สร้างความภาคภูมิใจให้คนไทยและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่าภายในองค์กรไม่มีการขัดแย้ง แม้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นซีอีโอคนใหม่ แต่ไม่คิดล้างบางใครทั้งสิ้น”
นายชาญศิลป์กล่าวยืนยันว่า ตนไม่ได้ถูก ปตท.ฟ้องร้องคดีทุจริตโครงการปลูกปาล์มที่อินโดนีเซียแต่อย่างใด เพราะหากถูกฟ้องร้องก็คงไม่ผ่านคุณสมบัติจากการคัดเลือกเข้ามาดำรงตำแหน่ง โดยข้อเท็จจริงที่ตนเกี่ยวข้องกับบริษัท ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ซึ่งลงทุนธุรกิจปลูกปาล์มในอินโดนีเซียนั้น ตนเข้าไปเป็นกรรมการผู้จัดการในช่วงสิงหาคม 2551 - พฤษภาคม 2552 หลังจากเกิดปัญหา และเมื่อ ปตท.ได้ตรวจพบหลักฐานความผิดปกติในการลงทุนธุรกิจปาล์มน้ำมันที่ประเทศอินโดนีเซียของพีทีทีจีอี ต่อมาจึงได้มีการสอบสวนลงโทษทางวินัยผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง พร้อมส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) พิจารณาสอบสวน และยื่นฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง ซึ่งไม่ได้ฟ้องตน เป็นการฟ้องบุคคลอื่น ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ได้เชิญตนเองไปให้ข้อมูลในฐานะที่เคยบริหารงานเท่านั้น
