ผู้จัดการรายวัน 360 - ‘คาราบาว’ ก้าวขึ้นท็อป 3 ในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในอังกฤษ เร็วกว่าแผนที่วางไว้ใน 3 ปีด้วยสปอร์ตมาร์เกตติ้งเป็นใบเบิกทางที่ดี พร้อมสยายปีกตลาดจีนและรุกตลาดโลก ชูกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เกตติ้ง เตรียมแผนเป็นสปอนเซอร์ชิปลีกดังทั่วยุโรป ดันรายได้รวมปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 30%
นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG เปิดเผยว่า ปี 2561 นี้เป็นปีที่ 2 ที่คาราบาวเข้ามาทำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในอังกฤษ จากเดิมที่ตั้งเป้า 3 ปีต้องขึ้นเป็นท็อป 3 แต่หลังจากใช้กลยุทธ์สปอร์ตมาร์เกตติ้ง ด้วยการเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนฟุตบอลลีกคัพของอังกฤษ หรือคาราบาวคัพในปีนี้ ถือเป็นความสำเร็จในการนำแบรนด์ไทยบุกตลาดอังกฤษและตลาดยุโรป ส่งผลให้แบรนด์คาราบาวเป็นที่รู้จักมากขึ้น จนปัจจุบันแบรนด์คาราบาวขึ้นมาอยู่อันดับสามของตลาดเครื่องดื่มให้พลังงานแล้ว และ 5 ปีหลังจากนี้ตั้งเป้าขึ้นเป็นที่ 2 ต่อไป หรือในแง่ยอดขาย ปีนี้จะทำยอดขายในประเทศอังกฤษได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
จากปัจจุบันตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในอังกฤษมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในยุโรป มูลค่าตลาด 2,348 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตต่อเนื่องทุกปี ผู้บริโภคมีทั้งวัยรุ่น-ผู้ใหญ่ นิยมดื่มเป็นซอฟต์ดริงก์ 70% เป็นมิกเซอร์ 30% หากบริษัทสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับในอังกฤษได้ก็จะเป็นบันไดสู่การบุกประเทศอื่นๆ ในยุโรปต่อไป
ปี 2561 นี้คาราบาวยังเดินหน้าลงทุนเพิ่มเพื่อสร้างแบรนด์สร้างความเชื่อมั่นให้แก่คู่ค้า รวมถึงขยายช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกช่องทางทั่วประเทศ เช่น Sainsbury และเทสโก้ จากที่มีแล้วใน ASDA, Morrisons, WHSmith, COOP, Poundland, Pouldworld, One Stop BP ฯลฯ และการให้ความสำคัญต่อการจัดแคมเปญและกิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายและการรับรู้ของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เช่น แคมเปญลุ้นโชคพี่แอ๊ดแจก 1 ล้านปอนด์ให้แก่ผู้ดื่มคาราวบาวในอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ยังให้ความสำคัญต่อกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เกตติ้ง ซึ่งเป็นแนวการตลาดหลักในการใช้กีฬาเป็นฐานสำคัญเพื่อขยายตลาดในยุโรป โดยเฉพาะฟุตบอลเป็นกีฬาที่มีแฟนคลับอยู่ทั่วโลก ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมเจรจากับสโมสรฟุตบอลอาชีพในลีกชั้นนำหลายประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกาใต้เพื่อเป็นสปอนเซอร์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการนำเครื่องดื่มคาราบาวแดงเข้าไปให้บริการในคลับ หรือสโมสร ตลอดจนการติดโลโก้บนหน้าอกเสื้อที่ใช้ฝึกซ้อม หรือแข่งขัน
นายเสถียรกล่าวต่อว่า การรุกตลาดในกลุ่มประเทศยุโรป ทางบริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับคู่ค้าในหลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อเข้าไปจำหน่ายสินค้า คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้ เบื้องต้นจะเป็นการส่งสินค้าไปจำหน่าย หากในอนาคตตลาดมีการขยายตัวได้ดีอาจจะพิจารณาตั้งโรงงานเพื่อเป็นฐานการผลิตต่อไป
ส่วนตลาดใหญ่อย่างจีน ซึ่งปัจจุบันมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก หรือ 8,513 ล้านเหรียญสหรัฐ รองจากสหรัฐอเมริกา จากระยะเวลาเพียง 6 เดือน หลังจากเข้าไปทำตลาดเมื่อกลางปี 2560 คาราบาวสามารถสร้างยอดขายถึง 130 ล้านกระป๋อง เนื่องจากจีนมีจำนวนประชากรเป็นอันดับ 1 ของโลก และการบริโภคต่อหน่วยยังต่ำเพียง 1-2 ลิตร/คน/ปี เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วอยู่ที่ 6 ลิตร/คน/ปี จึงถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมาก
ทั้งนี้ คาราบาวเตรียมแผนรุกตลาดจีนเต็มที่ด้วยการใช้งบประมาณ 4,000-6,000 ล้านบาท สร้างการรับรู้ผ่านการโฆษณา กิจกรรมต่างๆ และการเป็นสปอนเซอร์ให้กับกีฬาที่คนจีนชื่นชอบ รวมถึงการแจกตัวอย่างทดลองชิม และสาวบาวแดง ฯลฯ ซึ่งปีที่ผ่านมาได้เข้าไปจัดตั้งสำนักงานใน 27 มณฑล รวม 60 แห่งทั่วจีน พร้อมพนักงานอีก 1,000 กว่าคน ทั้งมองหาโรงงานผลิตในจีน (OEM) เพื่อลดต้นทุนการขนส่งจากไทย
“ปี 2561 นี้น่าจะเห็นยอดขายคาราบาวถึง 300 ล้านกระป๋อง ปีต่อไปจะขยับเป็น 1,000 ล้านกระป๋อง หากตลาดตอบรับ คนเก่าก็ดื่มเพิ่ม คนใหม่ก็จะเข้ามาดื่มเรื่อยๆ คาดว่าสัดส่วนการบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังในจีนจะอยู่ที่ 50% ของโลกใน 2-3 ปีข้างหน้า หรือมียอดขายรวมเพิ่มเป็น 2 หมื่นล้านกระป๋องต่อปี” นายเสถียรกล่าว
สำหรับตลาดต่างประเทศการบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังเป็นที่นิยมตลาดจึงเติบโตมาก โดยคาดการณ์ว่าปี 2562 ตลาดทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 62,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2 ล้านล้านบาท ขณะที่ตลาดในประเทศไทยมีมูลค่าราว 36,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปี 2561 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เป็นการเติบโตจากตลาดในประเทศไม่ต่ำกว่า 10% ส่วนตลาดต่างประเทศคาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30%
ตลาดในประเทศปีนี้บริษัทจะเน้นการกระจายสินค้าให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้นเพื่อสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นแบรนด์ระดับโลก สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของคาราบาว กรุ๊ป “สินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก World Class Products, World Class Brand”