บางกอกกล๊าสทุ่มงบลงทุนปีนี้ 7 พันล้านบาท หวังดันเป้ารายได้ 5 ปีโตเท่าตัวแตะ 3 หมื่นล้านบาท ประกาศรุกธุรกิจวัสดุก่อสร้างและพลังงานทดแทนเพิ่ม เมินกระแสข่าววัสดุก่อสร้างล้นตลาด
นายปวิณ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BG เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ 7 พันล้านบาท เพื่อผลักดันเป้าหมายรายได้บริษัทใน 5 ปีข้างหน้า (2561-65) เพิ่มขึ้นเป็น 3 หมื่นล้านบาท จากปีนี้ที่ตั้งไว้ 1.6 หมื่นล้านบาท โตมากกว่า 10% จากปี 2560 ที่มีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท
ในปีนี้บริษัทจะรุกการลงทุนธุรกิจวัสดุก่อสร้างและพลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทฯ มองโอกาสการร่วมลงทุนหรือเข้าซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) ที่มีการผลิตอยู่เดิมแทนการลงทุนใหม่ เพราะสร้างรายได้ทันที โดยปีนี้จะเห็นการเข้าซื้อกิจการอย่างน้อย 1 ดีล
ทั้งนี้ บางกอกกล๊าสได้เริ่มเข้าสู่ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง โดยตั้งบริษัท บีจี โฟลต กล๊าส จำกัด (BGF) เพื่อตั้งโรงงานผลิตกระจกแผ่น มูลค่าการลงทุน 5,000 ล้านบาท ซึ่งการตัดสินใจรุกธุรกิจวัสดุก่อสร้างเพิ่มเติมจะเน้นวัสดุก่อสร้างที่ใช้ปูพื้นและผนัง รวมทั้งยิปซัมที่กำลังพิจารณาอยู่ โดยไม่สนใจว่าตลาดวัสดุก่อสร้างจะล้นตลาดก็ตาม โดยมองว่าจะสามารถเจาะตลาดได้เหมือนกับตลาดกระจกที่มีผู้ผลิตรายใหญ่ไม่กี่รายครองตลาดอยู่
นอกจากนี้ บริษัทยังเข้าสู่ธุรกิจพลังงานผ่านบริษัท บีจี เอ็นเนอร์ยี่ โซลูชั่น จำกัด (BGE) เน้นพลังงานทดแทน โดยจะขยายการลงทุนทั้งในไทยและประเทศแถบเอเชียเหนือ รวมทั้งญี่ปุ่นที่มองโอกาสลงทุนพลังงานลม จากปัจจุบันมีกำลังผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) เพื่อใช้เองภายในบริษัท 4.5 เมกะวัตต์ และปีนี้วางแผนที่จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 10 เมกะวัตต์
นายปวิณกล่าวต่อไปว่า บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (BGC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยจะยื่นแบบแสดงคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในเดือนเมษายนนี้ คาดว่าจะขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในครึ่งหลังปี 2561
ทั้งนี้ BGC ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วรายใหญ่สุดในไทยและอาเซียน โดยมีโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์แก้ว 5 แห่งในจังหวัดปทุมธานี ขอนแก่น ปราจีนบุรี อยุธยา และราชบุรี คิดเป็นกำลังผลิตรวม 3,495 ตันต่อวัน หรือผลิตขวดแก้วมากกว่า 4,000 ล้านขวดต่อปี โดยร้อยละ 45 ป้อนให้กับกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ อีกร้อยละ 65 ขายให้กลุ่มอื่นๆ และส่งออก