“พาณิชย์” ลงพื้นที่พบปะกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการโคนมใน 5 จังหวัด นำร่องที่เชียงใหม่ 21-22 ธ.ค.นี้เพื่อช่วยเตรียมความพร้อมรับมือการเปิดเสรีสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมภายใต้ FTA ไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์ ที่จะมีผลบังคับในปี 64 และปี 68 พร้อมใช้โอกาสนี้ชี้แนะโอกาสในการผลักดันส่งออกนมและผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดกัมพูชา สปป.ลาว และพม่า
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ร่วมกับกรมปศุสัตว์และชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทยลงพื้นที่พบปะกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมโคนมใน 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ สระบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น และกาญจนบุรี เริ่มเดือน ธ.ค. 2560 - ก.พ. 2561 เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการโคนมไทยรับมือการเปิดเสรีทางการค้าสำหรับสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์ ที่จะมีผลบังคับใช้ภายในปี 2564 และปี 2568 โดยจะเริ่มนำร่องลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นที่แรกในวันที่ 21-22 ธ.ค. 2560 นี้
การเปิดเสรีภายใต้ FTA ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้ลดภาษีทุกรายการให้กับไทยเหลือ 0% ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2558 ที่ผ่านมา ส่วนไทยได้ลดภาษีสินค้าเกือบทั้งหมดเหลือ 0% แล้ว แต่ยังคงเหลือสินค้าอ่อนไหวบางรายการ ซึ่งรวมถึงสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมที่ไทยยังใช้มาตรการโควตาภาษีและมาตรการปกป้องพิเศษ เพื่อให้ภาคการผลิตและอุตสาหกรรมโคนมของไทยมีเวลาในการปรับตัว
ทั้งนี้ ไทยมีการลดภาษีกลุ่มผลิตภัณฑ์นมเหลือ 0% ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2559 คือ นมและครีมข้นไม่หวาน และบัตเตอร์มิลล์ ยังคงเหลือสินค้าที่จะทยอยเปิดตลาดโดยการเพิ่มปริมาณโควตานำเข้าและทยอยลดภาษีนำเข้าจนไม่มีโควตาและไม่เก็บภาษีอีกต่อไปในปี 2564 และปี 2568 ได้แก่ สินค้านมผงที่มีไขมันเกิน 1.5% (ไม่ใช้เลี้ยงทารก) ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนม หางนม (เวย์) เนย ไขมันเนย (AMF) และกลุ่มสินค้าเนยแข็ง จะเปิดตลาดในปี 2564 และสินค้านมและครีม เครื่องดื่มประเภทนมปรุงแต่ง นมผงขาดมันเนย จะเปิดตลาดในปี 2568
นางอรมนกล่าวว่า กรมฯ ยังจะเข้าไปชี้แนะและชี้โอกาสให้กับสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมของไทยที่จะขยายตลาดส่งออกไปยังอาเซียน โดยเฉพาะตลาดกัมพูชา สปป.ลาว และพม่า เพราะตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2561 ทั้ง 3 ประเทศจะลดภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้ภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) เหลือ 0% ทำให้สินค้าไทยมีโอกาสส่งออกไปยังตลาดเหล่านี้ได้เพิ่มขึ้น
“กระทรวงพาณิชย์มีโครงการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่นมและผลิตภัณฑ์นมของไทย โดยลงพื้นที่เพื่อคัดเลือกกลุ่มเกษตรกรหรือผู้ประกอบการที่มีศักยภาพเพื่อพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ อาทิ การแปรรูปผลิตภัณฑ์นม เช่น นมยูเอชที โยเกิร์ต ไอศกรีม การสร้างแบรนด์ การพัฒนาหีบห่อบรรจุภัณฑ์ และนำออกสู่ตลาดต่างประเทศ รวมทั้งเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะจัดในประเทศเป้าหมาย อาทิ งาน Top Thai Brands ที่กัมพูชา ลาว เวียดนาม พม่า และจีน ในปี 2561 เพื่อเปิดตัวสินค้าไทยต่อไป” นางอรมนกล่าว
ปัจจุบันไทยมีการส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 มีมูลค่าส่งออก 52.23 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว พม่า และเวียดนาม ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 50% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย และยังส่งออกไปยังฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน และฮ่องกง เป็นต้น ด้วย