ผู้จัดการรายวัน 360 - “ไทยรัฐทีวี” ยังขาดทุนบักโกรกสะสม 3,000 ล้านบาท เร่งมือล้างขาดทุนให้ได้ 30% เผยปีหน้าขึ้นราคาโฆษณาอีก 30% พร้อมขยายฐานผู้ชม ผนึก เอ็ม ชาแนล รุกหนักขยายฐานกลุ่มภาพยนตร์บันเทิง
นายวัชร วัชรพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจ สถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายว่าในปี 2560 นี้ผลประกอบการทีวีดิจิตอลจะลดการขาดทุนลงได้ประมาณ 30% จากผลประกอบการของบริษัทฯ ในส่วนของทีวีดิจิตลยังมีผลขาดทุนสะสมอยู่ประมาณ 3,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2559 ที่ผ่านมาผลประกอบการขาดทุนประมาณ 700-800 ล้านบาท และในปีนี้คาดจะมีรายได้รวม 1,000 ล้านบาท เนื่องจากมีการลงทุนต่อเนื่องและการแข่งขันค่อนข้างสูง
อีกทั้งในปีหน้า (2561) มีเป้าหมายที่จะผลักดันเรตติ้งรวมของช่องให้อยู่ในอันดับท็อปทรี หรือ 1 ใน 3 ให้ได้ จากปัจจุบันที่อยู่ในอันดับที่ 6 ของกลุ่มทีวีดิจิตอลโดยรวม ด้วยแผนการตลาดที่หลากหลาย ทั้งการขยายกลุ่มเป้าหมายผู้ชม การเพิ่มคอนเทนต์ใหม่ๆ และการจัดกิจกรรมต่อเนื่อง ซึ่งปัจุบันไทยรัฐทีวีดิจิตอลมีสัดส่วนรายได้รวมประมาณ 20% จากไทยรัฐทั้งกลุ่ม ส่วนอีก 80% นั้นยังคงมาจากสิ่งพิมพ์
ประกอบกับในปีหน้ายังมีแผนที่จะปรับราคาค่าโฆษณาอีกไม่ต่ำกว่า 30% และมีการขยายฐานผู้ชมมากขึ้น ซึ่งขณะนี้อัตราค่าโฆษณาเฉลี่ยที่ 20,000-30,000 บาทต่อนาที และสูงที่สุดราคาหลักแสนในช่วงที่มีการถ่ายทอดสดกีฬาต่างๆ เนื่องจากไทยรัฐทีวีมีความแข็งแกร่งทางด้านเนื้อหาคอนเทนต์ทั้งด้านรายการข่าว และรายการกีฬา โดยเฉพาะกีฬาที่มีคนไทยเข้าร่วมแข่งขันจะทำให้เป็นที่ติดตามมาก เช่น ฟุตบอล ฟุตซอล วอลเลย์บอล มวยไทย มวยเอ็มเอ็มเอ และมวยสากล เป็นต้น รวมไปถึงกีฬาใหม่ๆ เช่น การแข่งขันเครื่องบินแอร์เรตวัน เป็นต้น
“ที่ผ่านมาช่องไทยรัฐทีวีเน้นข่าวและกีฬาเป็นหลัก โดยเฉพาเมื่อมีการไลฟ์สดผ่านโซเชียลมีเดีย พบว่ายอดผู้ชมจะเพิ่มขึ้นอย่างมากกว่าวันปกติ 8-10 เท่า แต่เรายังไม่เชี่ยวชาญเรื่องคอนเทนต์หนังและความบันเทิงอื่น ที่ผ่านมาต้องมีการว่าจ้างผู้ผลิตรายอื่นผลิตป้อนให้ โดยรวมแล้วเรามีคอนเทนต์บันเทิงประมาณ 35% เท่านั้นจึงต้องขยายคอนเทนต์นี้เพิ่มขึ้นอีก” นายวัชรกล่าว
ล่าสุดได้จับมือร่วมกับ เอ็มชาแนล สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ซึ่งเป็นช่องภาพยนตร์บันเทิงต่างๆ เปิดตัวรายการ “เอ็ม เทียเตอร์” ด้วยการนำรายการหนังมาฉายทางช่องไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ซึ่งจะช่วยทำให้ขยายฐานผู้ชมได้มากขึ้น เดิมไทยรัฐทีวีมีฐานผู้ชมทั้งชายและหญิงเท่ากัน แต่ที่จะแตกต่างจากเอ็ม ชาแนลคือ กลุ่มคนกรุงเทพฯ และในเมือง ของช่อง รอมกันแล้วจะอยู่ที่ 75% และกลุ่มต่างจังหวัด 25% จะอยู่ที่คนวัยทำงาน อายุ 35 ปีขึ้นไป จึงทำให้ขยายฐานได้กว้างขึ้น