“พาณิชย์” ลดขั้นตอนการจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ รวมจองชื่อ-จดทะเบียนไว้ขั้นตอนเดียวกัน ช่วยร่นระยะเวลาการเริ่มต้นธุรกิจเหลือ 3.5 วัน จากเดิม 4.5 วัน มั่นใจธนาคารโลกจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจปี 61 ดีขึ้นอีก เผยเตรียมปรับลดค่าธรรมเนียมลง 30% หากยื่นจดบริษัทผ่านระบบ e-Registration พร้อมเชื่อมโยงการจดทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคม กรมสรรพากร และ ก.พ.ร. ผ่านแพลตฟอร์มเดียวกัน
นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ จะเดินหน้าปรับปรุงงานบริการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลใหม่ตามนโยบายที่ได้รับจากรัฐบาล เพื่อผลักดันให้อันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจที่จัดทำโดยธนาคารโลกในปี 2561 ปรับตัวดีขึ้นจากที่ปีนี้ที่อยู่อันดับที่ 26 ดีขึ้น 20 อันดับจากลำดับที่ 46 และในด้านการเริ่มต้นธุรกิจดีขึ้นอยู่ลำดับที่ 36 ดีขึ้น 42 จากเดิมอันดับ 78 โดยมีแผนที่จะรวมขั้นตอนการจองชื่อและการจดทะเบียนในระบบการจดทะเบียนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ให้เป็นขั้นตอนเดียว จากเดิมใช้เวลาจองชื่อ 0.5 วัน และจดทะเบียน 1 วัน ก็จะเหลือเพียง 0.5 วัน และทำให้ภาพรวมการจดทะเบียนตั้งใหม่จะลดลงเหลือเพียง 3.5 วัน จากปีนี้อยู่ที่ 4.5 วัน และมั่นใจว่าในการประเมินของปี 2561 ไทยมีโอกาสที่จะลำดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจและการเริ่มต้นธุรกิจดีขึ้นอีกแน่นอน
ทั้งนี้ ในการประเมินของธนาคารโลก เมื่อปี 2559 การเริ่มต้นทำธุรกิจของไทยมี 5 ขั้นตอน ใช้เวลารวม 25.5 วัน แยกเป็นการจองชื่อ 0.5 วัน การชำระเงินทุนเข้าธนาคาร 1 วัน การจัดทำตราประทับ 2 วัน การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทและการขอเลขทะเบียนนายจ้าง 1 วัน การยื่นสำเนาข้อบังคับการทำงาน 21 วัน ส่วนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ได้ใช้คำนวณเพราะบริษัทไม่ต้องเสียภาษีจนกว่าจะมีรายได้ถึง 1.8 ล้านบาท แต่เมื่อเดือน เม.ย. 2560 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ใช้ ม.44 ยกเลิกตราประทับ และสำเนาข้อบังคับการทำงาน ทำให้เหลือขั้นตอนเพียง 2.5 วัน และเมื่อธนาคารโลกมาประเมิน ได้เพิ่มขั้นตอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและขึ้นทะเบียนลูกจ้างอีกอย่างละ 1 วัน ทำให้ระยะเวลาการเริ่มต้นธุรกิจกลับมาอยู่ที่ 4.5 วัน
นางกุลณีกล่าวว่า เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้ประกอบการหันมาจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ผ่านระบบ e-Registration กรมฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการปรับลดค่าธรรมเนียมในการยื่นจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ หากดำเนินการผ่านระบบ e-Registration โดยเบื้องต้นจะปรับลดลง 30% จากค่าธรรมเนียมเดิมที่จะต้องจ่ายตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 250,000 บาท
นอกจากนี้ กรมฯ จะบูรณาการการทำงานร่วมกับสำนักงานประกันสังคม กรมสรรพากร และสำนักงาน ก.พ.ร. ให้มีการเชื่อมโยงระบบการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งการขึ้นทะเบียนลูกจ้าง และการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ผ่านแพลตฟอร์ม (Platform) เดียวกัน ซึ่งจะทำให้การจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ทำได้ง่ายขึ้นและรวดเร็วขึ้น
“ตามเป้าหมายในการปรับปรุงการทำงาน รัฐบาลคาดหวังว่าไทยจะเป็น 1 ใน 10 ของประเทศที่ง่ายต่อการเริ่มต้นประกอบธุรกิจ เพราะเมื่ออันดับสูงขึ้นจะมีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนจากทั่วโลกที่จะนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจก่อนที่จะเข้าไปลงทุน และจะช่วยดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติให้เข้ามาลงทุนธุรกิจในไทยมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีในการเพิ่มการลงทุน เพิ่มการจ้างงาน และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม” นางกุลณีกล่าว