ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิใช้แผนฉุกเฉินคลี่คลายสถานการณ์ เหตุต้องสงสัยมีระเบิดบนเครื่องของสายการบินเจ็ทแอร์เวย์ส โดยลำเลียงผู้โดยสาร 153 คนพร้อมลูกเรือ 8 คนออกจากเครื่องบิน จากนั้นส่งหน่วย EOD ตรวจสอบสัมภาระอย่างละเอียดเพื่อเร่งตรงจสอบข้อเท็จจริง
นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า วันที่ 20 กันยายน ช่วงเวลาประมาณ 20.20 น. ศูนย์รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับแจ้งผ่านศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศว่า สายการบินเจ็ทแอร์เวย์ส เที่ยวบิน 9W 066 จากท่าอากาศยานเดลี มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (โดยมีกำหนดเครื่องลงเวลา 20.37 น. และขอให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประกาศใช้แผนฉุกเฉินฯ โดยเบื้องต้นจากกรณีต้องสงสัยมีระเบิดบนเครื่องของสายการบินเจ็ทแอร์เวย์ส
เมื่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับแจ้งเหตุจึงได้มีการประเมินสถานการณ์ร่วมกับสายการบินก่อนที่จะมีการประกาศใช้แผนฉุกเฉิน บทที่ 9 เรื่องการขู่วางระเบิดอากาศยาน (Bomb threat on aircraft) และได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนฉุกเฉินโดยทันที เบื้องต้นได้นำเครื่องบินลำดังกล่าวเข้าจอดที่หลุมจอด Isolated Parking Stand ทางฝั่งตะวันตกของท่าอากาศยาน และได้ลำเลียงผู้โดยสาร 153 คนพร้อมลูกเรือจำนวน 8 คน ออกจากอากาศยานไปพักรอที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยฝั่งตะวันตก โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ดำเนินการตรวจค้นร่างกายและสัมภาระของผู้โดยสารทุกคน รวมทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยทำลายวัตถุระเบิด (Explosive Ordnance Disposal : EOD) เข้าดำเนินการตรวจสอบกระเป๋าทุกชิ้นที่บรรจุอยู่ใต้ท้องเครื่องและตรวจสอบอากาศยานอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้ ในส่วนของรายละเอียดในเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะแจ้งรายละเอียดความคืบหน้าต่อไป
ในการดำเนินการตามแผนฉุกเฉินครั้งนี้ นอกจากจะมีฝ่ายรักษาความปลอดภัย ฝ่ายดับเพลิงและกู้ภัย ทีมแพทย์และพยาบาลท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับสายการบิน เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและแจกน้ำดื่มพร้อมอาหารว่างให้ผู้โดยสารในระหว่างพักรอด้วย