“พาณิชย์” เผย “ยูนิชาร์ม” ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเสียง ผ้าอนามัย “โซฟี” และผ้าอ้อมเด็ก “มามี่โพโค” เป็นรายแรก หลัง พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้าใหม่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ก.ย. 60 และมีบุคคลธรรมดายื่นจดอีก 1 คำขอ ระบุตั้งแต่ 7 พ.ย.นี้ผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอจดเครื่องหมายการค้าได้คราวเดียว แต่ขอรับความคุ้มครองได้หลายประเทศทั่วโลก หลังไทยเข้าร่วมสมาชิกพิธีสารมาดริด
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2560 เป็นต้นมากรมฯ ได้เปิดให้บริการรับจดทะเบียนเครื่องหมายเสียงตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2559 โดยล่าสุดมีผู้ประกอบการ และบุคคลธรรมดามายื่นคำขอจดทะเบียนแล้ว 3 คำขอ ได้แก่ บริษัท ยูนิชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตสินค้าเกี่ยวกับเด็กและผู้หญิง โดยได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายเสียงสินค้าผ้าอนามัย “โซฟี” และผ้าอ้อมสำหรับเด็ก “มามี่โพโค” และบุคคลธรรมดา ได้ยื่นคำขอจดทะเบียน 1 คำขอ โดยเสียงที่มีการยื่นคำขอจดทะเบียนเป็นเสียงที่ใช้ประกอบในการโฆษณาสินค้า และหากผู้บริโภคได้ยินก็จะรู้ได้ทันทีว่าเป็นสินค้าอะไร
ทั้งนี้ เสียงที่จะยื่นคำขอจดทะเบียนได้ต้องเป็นเสียงเฉพาะ เช่น เสียงดนตรี หรือเสียงร้องที่แต่งขึ้นมาเป็นการเฉพาะ ไม่ใช่เสียงสามัญที่ใช้กันอยู่ทั่วไป ส่วนการพิจารณาคำขอจะพิจารณาตามขั้นตอนเช่นเดียวกับคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าทั่วไป ซึ่งจะใช้เวลาเฉลี่ย 13 เดือน ถือว่าเร็วขึ้นจากเดิมที่ใช้เวลามากกว่านี้
“การที่กรมฯ เปิดให้บริการจดทะเบียนเครื่องหมายเสียงเป็นผลจากการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 โดยได้ขยายขอบเขตครอบคลุมไปถึงการจดทะเบียนเสียงเพื่อขอรับความคุ้มครองเครื่องหมายการค้าที่เป็นเสียงเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากเครื่องหมายการค้าในรูปแบบเดิมที่มองเห็นได้ด้วยตา เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานเครื่องหมายการค้าของไทยให้เป็นสากลมากขึ้น”
สำหรับเครื่องหมายการค้าเสียงที่จดทะเบียนได้จะต้องไม่เป็นเสียงที่เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้า บริการโดยตรง หรือไม่เป็นเสียงโดยธรรมชาติของสินค้า บริการ หรือไม่เป็นเสียงที่เกิดจากการทำงานของสินค้า บริการนั้น รวมทั้งต้องไม่เป็นเสียงที่ใช้กันสามัญในการค้าขาย หากผู้ประกอบการ หรือประชาชนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับจดทะเบียนคุ้มครองเครื่องหมายเสียง สามารถสอบถามได้ทางสายด่วนกรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร. 1368
นายทศพลกล่าวอีกว่า ภายหลังจากที่ไทยเข้าเป็นสมาชิกพิธีสารมาดริด และสมาชิกภาพจะมีผลวันที่ 7 พ.ย. 2560 ที่จะถึงนี้จะส่งผลให้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย.นี้เป็นต้นไป ผู้ประกอบการไทยสามารถยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่กรมฯ และขอรับการคุ้มครองในประเทศสมาชิกอื่นๆ ได้อีก 98 ประเทศ ครอบคลุม 114 ดินแดน โดยยื่นที่เดียวแต่ขอคุ้มครองได้หลายประเทศในคราวเดียวกัน และสามารถเลือกยื่นคำขอเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส หรือภาษาสเปน และชำระค่าธรรมเนียมต่างๆ ในคราวเดียว ซึ่งจะทำให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เพราะไม่ต้องยื่นคำขอจดทุกประเทศที่ต้องการได้รับความคุ้มครอง
ขณะเดียวกัน ระบบมาดริดจะช่วยให้มีการขอรับความคุ้มครองเครื่องหมายการค้าในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้า การลงทุน และขยายตลาดสินค้าและบริการของไทยให้เติบโตขึ้น