รฟม.กระอักแบกขาดทุนสีม่วงเพิ่ม หลังเปิด 1 สถานีเจอภาระค่าแรกเข้าระบบสีน้ำเงิน 16 บาท/คน หรือประมาณ 4.8 แสนบาทต่อวันเป็นเป็นอย่างน้อย ขณะยอดผู้โดยสารเป็นไปตามเป้าหมาย ยอดพุ่งจาก 3.3 หมื่นคน/วัน แตะ 5 หมื่นคน/วัน ยันลดราคา 14-29 บาทต่อถึงสิ้นปี
นายฤทธิกา สุภารัตน์ รองผู้ว่าการด้านบริหาร ในฐานะรักษาการผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า หลังเปิดเดินรถ 1 สถานี ช่วงบางซื่อ-เตาปูน ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าจำนวนผู้โดยสารของรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางใหญ่ เฉลี่ยในวันธรรมดาเพิ่มขึ้นจาก 3.3 หมื่นคนต่อวันเป็น 4.7 หมื่นคนต่อวัน และสูงสุดถึง 5 หมื่นคนเมื่อวันที่ 18 ส.ค. ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ มีผู้โดยสารเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 2.2 หมื่นคนต่อวันเป็น 2.9 หมื่คนต่อวัน ซึ่ง รฟม.จะจัดเก็บค่าโดยสารสายสีม่วงในราคาโปรโมชัน 14-29 บาทต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ จากนั้นจึงจะทบทวนต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า จำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดกว่า 50% ในสัปดาห์แรกหลังเปิดเดินรถ 1 สถานีของสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ซึ่งทำให้ผู้โดยสารสายสีม่วงเดินทางสะดวกมากขึ้น ยังมีปัจจัยเรื่องฝนตก รถติดด้วย ดังนั้นอาจจะต้องรอประเมินอีกสัก 1-2 สัปดาห์ว่าผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นอย่างแท้จริงแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม รฟม.ยังคงแบกภาระขาดทุนสายสีม่วงอย่างมาก เนื่องจากยังคงลดค่าโดยสารจาก 14-42 บาทเหลือ 14-29 บาท และก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มีการเชื่อม 1 สถานี ผู้โดยสารสายสีม่วงที่ใช้บริการชัตเติลบัสเชื่อมมีประมาณ 2 หมื่นคนต่อวัน ดังนั้นประเมินว่ามีผู้โดยสารในระบบของสายสีม่วงประมาณ 1 หมื่นคนเศษต่อวัน ขณะที่ใช้บริการ 1 สถานีเข้าระบบสีน้ำเงินในขณะนี้จะมีไม่ต่ำกว่า 3-3.5 หมื่นคนต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องใช้บัตรสมาร์ทการ์ดในส่วนนี้ คาดว่า รฟม.จะต้องรับภาระค่าแรกเข้าสู่ระบบสีน้ำเงินคนละ 16 บาท หรือประมาณ 4.8 แสนบาทต่อวันเป็นอย่างน้อย ซึ่งยังไม่นับรายได้ที่หายไปจากค่าแรกเข้าของสีม่วง กรณีที่ผู้โดยสารเดินทางจากระบบสีน้ำเงินเข้าสีม่วงอีก 14 บาทต่อคน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงเช้าและเย็น ผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน MRT มีจำนวนมาก โดยเฉพาะจากสถานีเตาปูนมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก จนทำให้ผู้โดยสารที่รอที่สถานีบางซื่อไม่สามารถขึ้นขบวนรถได้