“อนันตพร” ย้ำแผน PDP ใหม่ยังคงสัดส่วนผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน และนิวเคลียร์ เหตุมีความจำเป็นในการลดสัดส่วนการใช้ก๊าซฯ ลงเพื่อลดความเสี่ยง ส่วนกรณีการซื้อไฟฟ้าถ่านหินเกาะกง และสตึงมนัมนั้นยังอยู่ในขั้นเจรจายังไม่มีข้อยุติ รับสตึงมนัมค่าไฟสูงแต่ต้องดูหลายมิติโดยเฉพาะการผันน้ำเข้าพื้นที่อีอีซี
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในงานพิธีมอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในด้านต่างๆ ของกิจการถ่านหินของไทย (Thailand Coal Awards) ครั้งที่ 3 ว่า ปัจจุบันกระทรวงฯ อยู่ระหว่างปรับแผน (PDP-2015) ปี 2558-79 โดยแผนใหม่เมื่อสิ้นสุดแผนจะมีสัดส่วนเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าคงเดิม โดยถ่านหิน 20-25% รวมไปถึงนิวเคลียร์ที่จะคงอยู่ในปลายแผน 5% ซึ่งเป้าหมายหลักของแผนฯ คือการลดสัดส่วนก๊าซฯ ลงจาก 67% ให้เหลือ 40% เนื่องจากการพึ่งพิงก๊าซฯ มากไปจะทำให้เกิดความไม่มั่นคง
“ในแง่ของสัดส่วนเชื้อเพลิงคงไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่ในแง่ปริมาณไฟฟ้าซึ่งแผนเดิมเมื่อสิ้นสุดแผนปี 2579 จะอยู่ที่ประมาณ 7 หมื่นเมกะวัตต์ ตรงนี้อาจจะลดลงเพราะแผนประหยัดพลังงานและอนุรักษ์พลังงาน รวมไปถึงโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เพิ่มขึ้น ส่วนถ่านหินกระบี่ และเทพาหากทำไม่ได้สัดส่วนของการใช้พลังงานทดแทนและก๊าซฯ เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเทศทั่วโลกยังคงพึ่งโรงไฟฟ้าถ่านหินสัดส่วนสูงเฉลี่ย 40% แม้ว่าจะประกาศลดสัดส่วนถ่านหิน อย่างจีนการยกเลิกก็เป็นการเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหินที่หมดอายุ และขณะนี้เทคโนโลยีก็ไม่น่ากังวลเช่นอดีต” รมว.พลังงานกล่าว
สำหรับนโยบายที่นายกรัฐมนตรีต้องการให้เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจากแผนพีดีพีที่มีสัดส่วน 20% เป็น 40% นั้นก็คงจะต้องมาพิจารณาว่าสัดส่วนดังกล่าวจะดำเนินการได้จริงหรือไม่ โดยต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนด้วยเพราะหากเข้าระบบมากอาจมีผลต่อค่าไฟที่เพิ่มขึ้น
ส่วนกรณีการเจรจาซื้อไฟฟ้าจากประเทศกัมพูชา 2 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเกาะกง กำลัง 1,700-2,000 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำสตึงมนัม 30 เมกะวัตต์นั้น ยังอยู่ระหว่างการเจรจายังไม่ได้มีข้อสรุปใดๆ
“การซื้อไฟฟ้าจากเกาะกงเป็นเพียงความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านที่ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาไม่ได้เสียหายอะไร ซึ่งหากค่าไฟถูกกว่าก็จะเป็นประโยชน์ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้อยู่ในแผนการรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศภายใต้แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP-2015) หากเจรจาและสรุปได้ก็ต้องเข้าสู่แผนรับซื้อไฟฟ้า” รมว.พลังงานกล่าว
ส่วนกรณีโรงไฟฟ้าพลังน้ำสตึงมนัมขนาดเล็กมากจำเป็นต้องพิจารณาในหลายมิติไม่ใช่เพียงแง่ไฟฟ้า เพราะส่วนหนึ่งจะมีการผันน้ำมาใช้ยังพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อใช้ในภาคอุตสาหกรรมได้ ซึ่งขณะนี้ก็ยังอยู่ระหว่างเจรจาเช่นกัน โดยยอมรับว่ามีการเสนอขายไฟฟ้ามาที่ 10.75 บาทต่อหน่วยแต่ยังไม่ได้ข้อยุติและคาดว่าจะสรุปให้ได้ภายในสิ้นปีนี้
นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า Thailand Coal Awards ครั้งที่ 3 ปีนี้มีการแบ่งรางวัลเป็น 3 ประเภท โดยมีผู้ได้รับรางวัลทั้งหมด 9 รางวัล ดังนี้ ประเภทการดำเนินการด้านถ่านหินเป็นเลิศ ได้แก่ Mae Moh Lignite Mine จากเหมืองแม่เมาะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย BLCP 2x717MW Coal-fired Power Station จากบริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด SKIC Closed-Sytem Coal Operation for Sustainable Development (Ban Pong Dome Coal Storage) จากบริษัท สยามคราฟอุตสาหกรรม จำกัด
ประเภทการมีส่วนร่วมต่อชุมชนและสังคม ได้แก่ The Environmental Collaboration for Sustainable Development in Mae Moh District จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย TPIPL intend continuing commitment to CSR จากบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) Sustainable Social Participation of BLCP Coal Fired Power Plant จากบริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด Asia Green Energy : Green Society จากบริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน)
ประเภทหัวข้อพิเศษ ได้แก่ Distribution Bunker Cleaning Equipment จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย Specific energy consumption Improvement of kiln plant จากบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน)
