ปตท.ลงนามความร่วมมือศึกษาความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจปิโตรเลียมครบวงจรในกัมพูชาเพื่อต่อยอดธุรกิจน้ำมันที่มีการดำเนินการแล้ว คาดว่าผลการศึกษามีความชัดเจนใน1ปี ชี้กัมพูชามีดีมานด์ใช้น้ำมันและก๊าซฯโตเพิ่มขึ้นทุกปีแต่ยังไม่มากพอตั้งโรงกลั่นได้ มองโอกาสตั้งโรงบรรจุแอลพีจีนอกเหนือขยายปั๊มน้ำมัน
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ลงนามในบันทึกข้อตกลงด้านการศึกษาความเป็นได้ในการทำธุรกิจปิโตรเลียมครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำในประเทศกัมพูชา เพื่อต่อยอดธุรกิจน้ำมันที่มีการดำเนินอยู่แล้วในปัจจุบัน ระหว่าง ฯพณฯท่าน ชีพ ซู อธิบดีกรมเชื้อเพลิงแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมี ฯพณฯท่าน ซก คาวาน ปลัดกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นสักขีพยานในพิธีดังกล่าว
นางศรีวรรณ เอี่ยมรุ่งโรจน์ รองผู้จัดการใหญ่ กลยุทธ์องค์กร บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อศึกษาในการทำธุรกิจปิโตรเลียมครบวงจรครั้งนี้ เพื่อหาความร่วมมือและโอกาสการลงทุนในธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งกัมพูชาเป็นประเทศหนึ่งที่มีความต้องการใช้น้ำมันและก๊าซฯในอัตราที่เพิ่มขึ้นทุกปี แต่ยังมีปริมาณความต้องการใช้ปิโตรเลียมไม่มากพอที่จะตั้งโรงกลั่นน้ำมันขนาดที่เหมาะสมได้
ดังนั้นทางปตท.จะเข้าไปศึกษาว่าจะมีความร่วมมือหรือลงทุนด้านใดได้บ้างไม่ว่าจะเป็นธุรกิจไฟฟ้า การตั้งโรงบรรจุแอลพีจีเพื่อป้อนโรงงานอุตสาหกรรมและครัวเรือน ฯลฯคาดว่าผลการศึกษาดังกล่าวจะมีความชัดเจนใน 1ปี
ปัจจุบันปตท.ได้เข้าไปลงทุนธุรกิจน้ำมันโดยเปิดสถานีบริการน้ำมันที่กัมพูชาแล้ว 28แห่งเมื่อปี2559และตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็น 90 แห่งในปี2563 โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนท้องถิ่นมาเป็นดีลเลอร์ปั๊มน้ำมันปตท. พร้อมทั้งได้เปิดร้านคาเฟ่อเมซอนในกัมพูชาด้วย พบว่าได้รับความนิยมจากคนกัมพูชามาก โดยมียอดขายต่อสาขาสูงสุด