ครม.ไฟเขียวรถไฟฟ้าสีม่วงใต้ 1.01 แสนล้านบาท เชื่อมเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ รฟม.เร่งสรุปแบ่งสัญญา คาดประมูล ต.ค. 60 นี้ เริ่มก่อสร้าง ก.ย. 61 “อาคม” สั่งเร่งประมูลคู่ขนานระหว่างรออนุมัติ EIA ฟุ้งผู้โดยสารสูงกว่า 4.7 แสนคน เหตุแนวเส้นทางตัดกับรถไฟฟ้าหลายสาย เตรียมดันรถไฟฟ้าอีก 4 สายเข้า ครม.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 25 ก.ค. มีมติเห็นชอบโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ-วงแหวนกาญจนาภิเษก ระยะทาง 23.6 กม. กรอบวงเงินลงทุน 101,112 ล้านบาท ซึ่งปรับจากวงเงินเดิมที่ 103,949 ล้านบาท ลดลง 2,837 ล้านบาท หลังจากพิจารณาตามนโยบาย ครม.ปรับลดศูนย์ซ่อมและจอดรถ (เดปโป้) ที่ครุใน จากซ่อมหนักเป็นซ่อมเบา โดยให้ใช้การซ่อมหนักร่วมกับสายสีม่วงเหนือที่ศูนย์ซ่อมบางไผ่ พร้อมอนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเวนคืนและสำรวจอสังหาริมทรัพย์ในกรอบ 16,945 ล้านบาท ขณะที่ให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมในกรอบการก่อสร้างงานโยธา และค่าทดแทนสิ่งปลูกสร้างของรัฐเอกชน ค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด รวม 85,167 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตามแผนงานการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะเปิดประกวดราคาก่อส้างแบบนานาชาติ, เริ่มออก พ.ร.ฎ.เวนคืน ช่วง ก.ค. 60-ต.ค. 60 สำรวจอสังหาริมทรัพย์จัดกรรมสิทธิ์ ส่งมอบพื้นที่ช่วง พ.ย. 60-ธ.ค. 63, จัดจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างงานโยธาช่วง ต.ค. 60-ส.ค. 61, เริ่มก่อสร้าง ก.ย. 61 แล้วเสร็จเปิดให้บริการปี 66-67
โดยจะเปิดประมูลในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่ง รฟม.อยู่ระหว่างพิจารณาแบ่งสัญญางานโยธาที่เหมาะสม เดิมคาดประมูล 3-4 สัญญา อย่างไรก็ตาม ในส่วนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่ยังอยู่ในขั้นตอนของคณะผู้ชำนาญการ (คชก. เนื่องจากมีจุดก่อสร้างผ่านพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์นั้น ระหว่างนี้ รฟม.สามารถเปิดประมูลไปก่อนได้ และคาดว่าจะได้รับอนุมัติ EIA เร็วๆ นี้
ทั้งนี้ ให้ รฟม.ดำเนินการประกวดราคางานก่อสร้างงานโยธาโครงการฯ ได้ แต่จะลงนามสัญญาจ้างผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธาฯ ได้เมื่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้รับทราบรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้ว ทั้งนี้ ให้ รฟม.กำหนดให้เป็นเงื่อนไขในสัญญาที่ผู้รับเหมาต้องดำเนินการตามมติดังกล่าว หากไม่มีผลกระทบต่อวงเงินค่าก่อสร้างที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ แต่หากความเห็น ข้อเสนอแนะ หรือมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เสนอโดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีผลทำให้ค่าก่อสร้างโครงการฯ สูงเกินกว่าค่าก่อสร้างโครงการฯ ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้แล้ว จะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบให้ดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติดังกล่าวต่อไป
พร้อมกันนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแหล่งเงินโครงการฯ โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสำหรับค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและสำรวจอสังหาริมทรัพย์ ในกรอบวงเงินจำนวน 15,945 ล้านบาท ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามแผนการใช้เงินจริง ให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสม โดยวิธีการให้กู้เงินต่อหรือค้ำประกันเงินกู้ ภายใต้กรอบวงเงิน ค่างานก่อสร้างงานโยธา ค่าก่อสร้างทดแทนหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการฯ ค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างงานโครงการฯ และค่า Provisional Sum ของงานโยธา ในกรอบวงเงินรวม 85,167 ล้านบาท รวมทั้งเห็นชอบให้ รฟม.กู้เงินในกรอบวงเงินสำหรับในแต่ละกรณี ตามพระราชบัญญัติ รฟม. พ.ศ. 2543 มาตรา 75(3) โดยให้ รฟม.ทยอยกู้เงินดังกล่าวเป็นงวดๆ ตามความเหมาะสมและความจำเป็น
และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประจำปีเป็นรายได้แก่ รฟม.ให้เพียงพอเพื่อการดำเนินงาน การบริหารงาน การลงทุน ค่าใช้จ่ายต่างๆ และการชำระหนี้แก่แหล่งเงินกู้ ทั้งในส่วนเงินต้น ดอกเบี้ย ค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง และเงินชดเชยสาธารณะของโครงการฯ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังจะได้ตกลงกับ รฟม.ต่อไป
โดยกรอบวงเงินลงทุน 101,112 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 15,913 ล้านบาท ค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์ 32 ล้านบาท ค่าก่อส้างงานโยธา 77,385 ล้านบาท ค่าผลกระทบสิ่งปลูกสร้าง 1,335 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมการก่อสร้าง 2,865 ล้านบาท ค่า Provisional sum (ค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด) 3,582 ล้านบาท
ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารประมาณ 477,098 คน/เที่ยว/วัน เนื่องจากแนวสายทางมีจุดตัดกับสายสีน้ำเงิน สายสีส้ม สายสีเขียว สามารถส่งต่อผู้โดยสารให้สายสีม่วงใต้ได้เป็นอย่างดี โดยเชื่อมกับม่วงเหนือที่สถานีเตาปูน และสามยอด, เชื่อมกับสีส้ม ตะวันตก ที่สถานีผ่านฟ้าฯ, เชื่อมสายสีน้ำเงินต่อขยายที่สถานีสามยอด, เชื่อมสายสีเขียวที่สถานีวงเวียนใหญ่ ขณะที่ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) 12.95% ผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) 4.59%
นายอาคมกล่าวว่า เตรียมเสนอรถไฟฟ้าอีก 4 โครงการขออนุมัติ ครม.เร็วๆ นี้ ได้สายสีส้ม (ตะวันตก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ โดยอยู่ระหว่างพิจารณารูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ลดภาระการลงทุนภาครัฐ เช่นให้เอกชนลงทุน 100% เป็นไปได้หรือไม่ และยังมีสายสีน้ำเงินต่อขยาย ช่วงบางแค-พุทธมณฑล, สีเขียวเหนือ ต่อขยายช่วงคูคต-ลำลูกกา เขียวใต้ต่อขยาย ช่วงสมุทรปราการ-บางปู
