เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) จัดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินและป่าไม้ทั้งระบบ ที่โรงแรมเซ็นทารา คอนเวนชันเซ็นเตอร์ จังหวัดอุดรธานี โดยมีนักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งจากภาครัฐ เอกชน ภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐ และภาคประชาสังคม เข้าร่วมกว่า 150 คน
นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวเปิดสัมมนาว่า เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม แต่มีเกษตรกรที่มีที่ดินเป็นของตนเองเพียง 70 กว่าล้านไร่ ซึ่งเป็นจำนวนเพียงครึ่งหนึ่งของที่ดินที่ทำการเกษตรจำนวนกว่า 149 ล้านไร่ จากเนื้อที่ทั้งหมดของประเทศไทยที่มีประมาณ 320 ล้านไร่ ในขณะที่จำนวนที่ดินคงเดิมแต่จำนวนประชากรเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการรุกล้ำเข้าไปทำกินและตั้งถิ่นฐานในที่ดินของรัฐ รวมถึงพื้นที่ป่าไม้ของประเทศ เมื่อเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย ชาวบ้านก็ได้รับความเดือดร้อน และไปร้องเรียน กสม.เพื่อให้การปกป้องคุ้มครองตามกฎหมายและตามหลักสิทธิมนุษยชน
“กสม.เห็นว่า เพื่อให้การแก้ไขปัญหามีความรวดเร็ว จึงมอบให้คณะอนุกรรมการด้านสิทธิในที่ดินทำกินและการจัดการทรัพยากรป่าไม้ศึกษาค้นคว้าและจัดทำข้อเสนอแนะตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 247 (3) ซึ่ง กสม.ได้พิจารณาเสร็จเป็นข้อเสนอแนะที่ 1/2560 ลงวันที่ 25 เมษายน 2560 เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ” ประธาน กสม.กล่าว
นายวัสกล่าวว่า กสม.ในฐานะที่เป็นองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งมีหน้าที่และอำนาจในการปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของบุคคลตามที่ได้รับการรับรองในรัฐธรรมนูญ กฎหมาย หรือสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ไทยมีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตาม ตระหนักเป็นอย่างดีว่าปัญหาดังกล่าวมีความสำคัญยิ่งต่อเกษตรกรซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ส่งผลกระทบต่อวิถีทางยังชีพของเกษตรกร การพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศซึ่งเกี่ยวข้องกับมิติสิทธิมนุษยชนตามที่กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ให้การรับรอบประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิกแล้ว
นายวัสกล่าวย้ำว่า การสัมมนาในวันนี้จึงนับเป็นก้าวสำคัญที่จะพัฒนาต่อไปอีก โดย กสม.ให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นของภาคประชาชน เครือข่ายประชาสังคม และภาครัฐ ต่อการจัดทำข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการแก้ไขปัญหาและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใดในการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินและป่าไม้ทั้งระบบเพิ่มเติมที่สอดคล้องตามหลักกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนของทั้งในและระหว่างประเทศ
“กสม.ปรารถนาเป็นอย่างยิ่งว่าข้อเสนอแนะจากที่ประชุมนี้จะเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ดินให้เป็นไปอย่างมีระบบและเป็นมาตรฐานเดียวกัน และช่วยเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างภาครัฐกับเอกชนในการจัดการทรัพยากรป่าไม้ร่วมกันในอนาคต เพื่อให้ประเทศชาติได้รับประโยชน์สูงสุด และคาดหวังว่าเวทีรับฟังความคิดเห็นในวันนี้จะทำให้ผู้เข้าร่วมทุกคนเข้าใจหลักการสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับที่ดินและการจัดการทรัพยากรป่าไม้ และจะได้รับข้อมูลที่ทรงคุณค่าจากผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกคน เพื่อนำไปปรับปรุงข้อเสนอแนะของ กสม.ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และจัดทำประมวลผลเพิ่มเติมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป” ประธาน กสม.กล่าวในตอนท้าย