ตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทยแต่ละปีมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2.2 แสนล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว (2559) และคาดว่าในปี 2560 ตลาดรวมจะมีมูลค่าประมาณ 2.31 แสนล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตประมาณ 5% ซึ่งถือว่าไม่มากไม่น้อย อยู่ในเกณฑ์นี้มาระยะหนึ่งแล้ว
ขณะที่ตลาดรวมเครื่องซักผ้า ในประเทศไทยคาดว่ามูลค่าตลาดรวมปี 2560 จะอยู่ที่ประมาณ 12,300 ล้านบาท เพิ่มจากมูลค่าตลาดรวมเครื่องซักผ้าปีที่แล้วที่มีประมาณ 11,700 ล้านบาท
ตลาดรวมเครื่องซักผ้าในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากการครอบครองเครื่องซักผ้าของครัวเรือนไทยยังถือว่าอยู่ในอัตราที่ไม่มากนัก ไม่เหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น เช่น โทรทัศน์ ที่มีมากแล้ว อย่างไรก็ตาม เครื่องซักผ้าเป็นสินค้าที่มีหน้าขายหลักๆ อยู่ในช่วงหน้าฝนเป็นช่วงที่ขายดีที่สุด ไม่ใช่เป็นสินค้าที่จะทำการขายกันได้ต่อเนื่องทั้งปี ดังนั้นเมื่อเข้าหน้าฝนการแข่งขันในตลาดนี้จึงรุนแรงขึ้นมาทันที ผู้ประกอบการรายใหญ่แต่ละแบรนด์ในตลาดก็โหมโรงกันทันที
ทั้งนี้ โอกาสของตลาดเครื่องซักผ้าในไทยยังมีอีกมาก เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่มีฝนตกมากในช่วงหน้าฝน ส่วนใหญ่แล้วตลาดใหญ่จะอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก ดังนั้นยังมีตลาดต่างจังหวัดที่อัตราการครอบครองยังน้อยอยู่ เป็นโอกาสและช่องทางที่ผู้ประกอบการจะขยายตลาดเข้าไปได้อีก
“อีเลคโทรลักซ์” อัดแคมเปญเด็ดกระตุ้นตลาด
นายสุทธิ มโนกิจจรูญมั่น ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีเลคโทรลักซ์ ประเทศไทย จำกัด วิเคราะห์ตลาดเครื่องซักผ้าในภาพรวมว่า ตลาดเครื่องซักผ้าในไทยถือว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรงไม่แพ้เครื่องใช้ไฟฟ้าเซกเมนต์อื่นซึ่งมีการแข่งขันกันทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการออกสินค้าใหม่ การชูเรื่องของเทคโนโลยี การทำแคมเปญโปรโมชันเพื่อกระตุ้นการขายและเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างแบรนด์ อีกทั้งอัตราการถือครองเครื่องซักผ้าของครัวเรือนไทยมีประมาณ 50% ขณะที่เครื่องอบผ้ายังต่ำมากมีการถือครองเพียงแค่ 10% เท่านั้นเอง จึงยังมีช่องว่างที่ทำตลาดได้อีกมาก
บริษัทฯ เน้นการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขายราคาเพื่อกระตุ้นตลาดรวม ล่าสุดคือการจัดแคมเปญ “เรนนี่ พริวิเลจ” ถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ ด้วยการให้โบนัส 3 ต่อกับผู้ที่ซื้อเครื่องซักผ้า แยกเป็น ต่อที่ 1 เมื่อลูกค้าซื้อเครื่องซักผ้า ขนาด 8 กก. จะได้รับเตารีดเป็นของแถม, ต่อที่ 2 เมื่อลูกค้าซื้อเครื่องซักผ้า ขนาด 9 กก. จะได้รับไมโครเวฟเป็นของแถม และต่อที่ 3 เมื่อลูกค้าซื้อเครื่องซักผ้า ขนาดใดก็ได้ จะได้รับส่วนลด 50% สำหรับการซื้อเครื่องอบผ้า
บริษัทฯ มั่นใจว่าจากการจัดแคมเปญนี้คาดว่าจะช่วยทำให้ยอดขายรวมเติบโตมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ และจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดเครื่องซักผ้าของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 40% ได้แน่นอน จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งตลาดเครื่องซักผ้าประมาณ 36% ส่วนเครื่องอบผ้าคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 85% จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 80%
สำหรับยอดขายครึ่งแรกปี 2560 เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าของบริษัทฯ เติบโตดี โดยกลุ่มเครื่องซักผ้าเติบโตประมาณ 15% ส่วนเครื่องอบผ้าเติบโตประมาณ 20% ซึ่งเติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วด้วย
ทั้งนี้เป็นผลมาจากสภาพอากาศที่มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการซื้อมีมากตามไปด้วย และเรื่องของแบรนด์สินค้าอีเลคโทรลักซ์ที่แข็งแกร่ง มีความน่าเชื่อถือ รวมไปถึงการที่บริษัทฯออกสินค้าเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้าใหม่ต่อเนื่อง
ในปี 2560 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 2 หลัก และคาดว่าจะโตมากกว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ารวมด้วยที่คาดว่าปีนี้ตลาดรวมจะมีประมาณ 2.31 แสนล้านบาท ที่คาดจะโตแค่ 5% เท่านั้น จากมูลค่าตลาดรวมปีที่แล้วที่มีประมาณ 2.2 แสนล้านบาท
“พานาโซนิค” รุกกลุ่มพรีเมียม
นายทาเคชิ โนะโมโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พาโซนิค เอ.พี.เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2560 บริษัทฯ เปิดตัวเครื่องซักผ้ารุ่นใหม่จำนวนมาก ครอบคลุมทุกตลาด ทั้งแบบฝาหน้า 5 รุ่น แบบฝาบน 15 รุ่น และแบบ 2 ถัง 2 รุ่น ซึ่งปีนี้บริษัทฯ ได้วางตลาดในส่วนของฝาหน้าแบบฟูลไลน์มากกว่าที่ผ่านมา เพราะกลุ่มฝาหน้าเป็นสัดส่วนที่มีประมาณ 51% ของตลาดรวม แต่ว่าพานาโซนิคยังมีส่วนแบ่งในตลาดนี้น้อยมาก จึงตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งฝาหน้าเป็น 5% ขึ้นไป
อีกทั้งในปีนี้จะเน้นตลาดสินค้ากลุ่มพรีเมียมมากขึ้นด้วย สินค้าใหม่ที่ออกปีนี้มีมากกว่า 70% ที่เป็นสินค้ากลุ่มพรีเมียม จากเดิมที่ออกรุ่นใหม่กลุ่มพรีเมียมเพียงแค่ 30% เท่านั้น หลังจากที่เริ่มทำตลาดกลุ่มพรีเมียมมา 2 ปีแล้วซึ่งเป็นกลุ่มฝาบนและฝาหน้าที่มีขนาดซักตั้งแต่ 11 กิโลกรัมขึ้นไป เพราะกลุ่มเครื่องซักผ้าพรีเมียมนี้ขยายตัวอย่างมากคาดว่าปีนี้จะโต 8% และมีสัดส่วนเป็น 55% ของตลาดรวม ขณะที่ตลาดเครื่องซักผ้าระดับล่างเติบโตเพียง 1% เท่านั้นเอง ซึ่งพานาโซนิคก็มียอดขายในกลุ่มพรีเมียมเติบโต 50% ด้วย โดยพานาโซนิคมีสัดส่วนยอดขายมาจากกลุ่มพรีเมียม 57% และอีก 43% เป็นกลุ่มอื่นๆ จากรายได้รวม
ทั้งนี้ พานาโซนิคได้พัฒนานวัตกรรมต่อเนื่องเพื่อสร้างจุดต่างจากคู่แข่ง ด้วยการชูเทคโนโลยี Blue Ag+ สำหรับเครื่องซักผ้ารุ่นฝาหน้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีคุณสมบัติในการกำจัดสารก่อภูมิแพ้และแบคทีเรีย และเทคโนโลยี StainMaster+ ซึ่งเป็นครั้งแรกของเครื่องซักผ้ารุ่นฝาบนที่มีระบบขจัดคราบในน้ำร้อน โดยสามารถเลือกระบบการขจัดคราบที่พบบ่อยได้มากถึง 6 โปรแกรม
นอกจากการวางสินค้ารุ่นใหม่ๆ ยังทำตลาดครบวงจรด้วย ทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์ โดยมี “แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์” นางเอกดังเป็นพรีเซ็นเตอร์ รวมทั้งผลิตภาพยนตร์โฆษณาชุดปรากฏการณ์ความสะอาด พร้อมกับการจัดแคมเปญ “Hello Rainy” โปร 4 ฉ่ำ ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.-31 ส.ค. 60 และการทำอัดโปรโมชันพิเศษกับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศด้วย
จากแผนการรุกตลาดทั้งในช่วงหน้าฝนและตลอดทั้งปีนี้ พานาโซนิคคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 18% ในสิ้นปีนี้ ก้าวขึ้นเป็นที่ 3 ในตลาด หรือมียอดขายรวมประมาณ 2,200 ล้านบาท เติบโต 22% จากมูลค่าตลาดรวมปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 12,300 ล้านบาท จากเดิมปีที่แล้วมีส่วนแบ่งเพียง 15% เป็นอันดับที่ 4 ในตลาด
“แอลจี” ชูแอพ SmartThinQ
ทางด้าน บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ก็มีการเปิดตัวเครื่องซักผ้าฝาหน้าและฝาบนหลากหลายรุ่นใหม่ล่าสุด ด้วยฟงก์ชั่นการเชื่อมต่อ WI-FI ให้ผู้บริโภคสามารถสั่งงานเครื่องซักผ้าได้สะดวกสบายผ่านแอปพลิเคชัน SmartThinQ บนสมาร์ทโฟน พร้อมตอกย้ำประสิทธิภาพการใช้งานและเทคโนโลยีอันโดดเด่น รวมถึงตรวจสอบปัญหาเครื่องซักผ้าเบื้องต้นผ่านฟังก์ชัน Smart Diagnosis ได้อีกด้วย