“กนอ.” สั่งปิดโรงงานเอ็นบีซี ผู้ผลิตสีพลาสติก ในนิคมฯ อมตะนคร จ.ชลบุรี แล้ว โดยกำหนดให้ทำแผนฟื้นฟูปรับปรุงระบบการผลิต ป้องกันการเกิดเหตุซ้ำในอนาคต ส่งต่อ “กนอ.” ภายใน 30 วันหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในโรงงาน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย พร้อมดำเนินการให้บริษัทเยียวยาผู้เสียชีวิต
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2560 ได้รับรายงานจากสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ว่า เมื่อเวลา 11.45 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในโรงงานของ บริษัท เอ็นบีซี (เอเชีย) จำกัด ผู้ผลิตสีพลาสติก ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ตำบลพานทอง อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี เบื้องต้นพบว่าเหตุเกิดอยู่ในบริเวณห้องผสมสี ซึ่งในขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ประมาณ 30 คน และพนักงานในที่เกิดเหตุเล่าว่า ในขณะกำลังทำงานมีไฟฟ้าช็อตทำให้เกิดประกายไฟไปถูกสีและทินเนอร์ เป็นผลให้เกิดแรงระเบิดและเกิดเปลวไฟขึ้นมา โดยระบบดับเพลิงอัตโนมัติของโรงงานได้ทำงานควบคุมเพลิงได้ แต่เกิดกลุ่มควันเป็นจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์ฉุกเฉินประจำนิคมฯ และหน่วยงานท้องถิ่นร่วมระบายควันและค้นหาผู้สูญหาย หลังเกิดเหตุพบว่ามีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุจำนวน 1 ราย
ทั้งนี้ กนอ.ได้มีคำสั่งตามมาตรา 39 วรรค 1 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ให้ บริษัท เอ็นบีซี (เอเชีย) จำกัด หยุดประกอบกิจการโรงงานในส่วนพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งปรับปรุงแก้ไขและจัดหา Third Party เพื่อดำเนินการตรวจสอบประเมินหาสาเหตุและกำหนดแผนการปรับปรุงแก้ไขปัญหาระยะสั้น และระยะยาวเสนอต่อ กนอ. โดยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ตั้งแต่วันที่ได้รับคำสั่ง
สำหรับการดำเนินงานในขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานไปยังหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง เช่น กองพิสูจน์หลักฐาน และ นายอำเภอพานทอง เพื่อเข้าร่วมตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในวันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคมนี้ ในขณะเดียวกันการติดตามตรวจสอบเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ของ กนอ.และเจ้าหน้าที่ของนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครร่วมกันหารือกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ เพื่อตรวจสอบสาเหตุเบื้องต้น และขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดในพื้นที่เกิดเหตุให้ชัดเจนอีกครั้ง
ทั้งนี้ พนักงานบริษัทผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ บริษัท เอ็นบีซี (เอเชีย) จำกัด เข้าไปเยียวยาและให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตให้เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานต่อไป