สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ยื่นหนังสือ “พาณิชย์” คัดค้านการอนุญาตให้นำเข้าเนื้อสุกรที่มีสารเร่งเนื้อแดงจากสหรัฐฯ อย่างเด็ดขาด หวั่นทำลายอุตสาหกรรมการเลี้ยงของไทย และกระทบเกษตรกรกว่า 10 ล้านคน แถมยังอาจก่อให้เกิดปัญหาเนื้อสุกรราคาตกต่ำจากภาวะสินค้าล้นตลาด เหตุในแต่ละปีไทยผลิตได้เพียงพอและมีเหลือส่งออก ด้านผู้ผลิตไก่ค้านด้วย หวั่นการให้นำเข้าอาจมีเชื้อไข้หวัดนกติดมา หลังไทยปลอดไข้หวัดนกมากว่า 10 ปี
นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังยื่นหนังสือคัดค้านการนำเข้าเนื้อสุกรที่มีสารเร่งเนื้อแดงจากสหรัฐอเมริกา ต่อกระทรวงพาณิชย์ว่า สมาคมฯ ขอคัดค้านการอนุญาตให้มีการนำเข้าอย่างเด็ดขาด ทั้งเนื้อสุกรและเครื่องในสุกรที่มีสารเร่งเนื้อแดง เพราะขัดต่อกฎหมายของไทยที่ห้ามการใช้สารเร่งเนื้อแดง และเพื่อเป็นการปกป้องอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรของไทยที่มีผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า 10 ล้านคน ตั้งแต่เกษตรกรที่ปลูกพืชไร่ เช่น ข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลือง มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ และเกษตรกรผู้เลี้ยง ไม่ให้ได้รับผลกระทบ
“หากมีการนำเข้าเนื้อสุกรจากสหรัฐฯ อาจจะทำให้เกิดการซ้ำรอยอย่างประเทศเวียดนามที่ทำให้เนื้อสุกรภายในประเทศล้นตลาด และมีราคาตกต่ำ จึงอยากให้รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ยืนยันการห้ามนำเข้าเนื้อสุกรจากสหรัฐฯ อย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องผลกระทบกับเกษตรกรทั้งผู้ปลูกวัตถุดิบอาหารสัตว์และเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร”
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์หน้าสมาคมฯ จะไปยื่นหนังสือให้กรมปศุสัตว์ พิจารณาให้มีการอบรมเกี่ยวกับอันตรายในการใช้สารเร่งเนื้อแดง เพราะเป็นอุปสรรคต่อการผลักดันให้ไทยเป็นครัวของโลก และการส่งเสริมให้สินค้าอาหารของไทย ได้มาตรฐานความปลอดภัย
ทั้งนี้ ในปัจจุบันอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรไทยได้มีการพัฒนาทั้งด้านสุขอนามัย มาตรฐานสินค้า มาตรฐานฟาร์ม โดยผลผลิตในแต่ละปี มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ และมีมากกว่าความต้องการประมาณ 4-5% ไม่จำเป็นต้องนำเข้าเนื้อสุกรจากต่างประเทศ ส่วนการเลี้ยงสุกรทั่วประเทศอยู่ที่ 15 ล้านตัว โดยราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม อยู่ที่ 55-58 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงอยู่ที่ 60 บาทต่อกิโลกรัม โดยผู้เลี้ยงยังสามารถอยู่ได้ และพยายามลดต้นทุการเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง
นายประเสริฐ อนุชิราชีวะ เลขาธิการสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย กล่าวว่า การที่สหรัฐฯ กดดันให้ไทยนำเข้าเนื้อไก่นั้น เป็นความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อไข้หวัดนกมายังไทย เท่ากับเป็นการนำเชื้อโรคเข้ามาทำลายอุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยที่ยังคงสถานะปลอดไข้หวัดนกมากว่า 10 ปี จึงขอให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วน อย่าปล่อยให้สหรัฐฯ มีอิทธิพลเหนือความปลอดภัยทางอาหารของคนไทย และอย่าปล่อยให้ไก่อเมริกาเข้ามาทำร้ายเกษตรกรไทย
ปัจจุบันอุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยมีการพัฒนาและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถผลิตเนื้อไก่ที่มีคุณภาพสูงได้อย่างเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศและยังเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์อันดับ 4 ของโลก โดยส่งออกเนื้อไก่ได้มากกว่า 30% ของปริมาณที่ผลิตได้ มีตลาดสำคัญ คือ สหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น และยังคงสถานะประเทศปลอดโรคไข้หวัดนกตามรายงานขององค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) จนถึงปัจจุบัน ขณะที่หลายประเทศ รวมทั้งสหรัฐฯ ยังคงตรวจพบการแพร่ระบาดของเชื้ออยู่
สำหรับข้อกังวลของผู้เลี้ยงสุกรและไก่เนื้อดังกล่าว เกิดจากการกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ดำเนินนโยบายแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ด้วยการพยายามให้ไทยเปิดตลาดให้มีการนำเข้าสินค้าเนื้อสุกรจากสหรัฐฯ ซึ่งมีการใช้สารเร่งเนื้อแดง และปัญหานี้ ยังจะถูกหยิบยกขึ้นเป็นประเด็นหนึ่ง ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยเดินทางไปเยือนสหรัฐฯ