“พาณิชย์” เปิดตลาดเฉพาะสินค้าแห่งที่ 4 ที่จังหวัดอุดรธานี นำผลไม้คุณภาพดี สินค้าเกษตรอินทรีย์ และอาหารทะเลสดและแปรรูป มาจำหน่ายให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว พร้อมจัดบุฟเฟต์ทุเรียน กินได้ไม่อั้นหัวละ 399 บาท ยาวถึง 15 ก.ย.นี้ คาดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน จัดงาน “King Fruits paradise of Thailand : Durian Festival @ Udon Thani” ที่ตลาดกลางผักและผลไม้จังหวัดอุดรธานี (ตลาดอุดรเมืองทอง) ถือเป็นการเปิดตลาดเฉพาะสินค้า (Magnet Market) แห่งที่ 4 หลังจากที่ได้เปิดตัวไปแล้ว 3 แห่งที่จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต และกรุงเทพฯ โดยภายในงานได้นำผลไม้คุณภาพดี สินค้าเกษตรอินทรีย์ และอาหารทะเลสดและแปรรูปมาจำหน่ายให้แก่ประชาชนชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เลือกซื้อเป็นจำนวนมาก
“การเปิดตลาดเฉพาะสินค้าเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยจะมีการเชื่อมโยงผลผลิตจากเกษตรกร ผู้ผลิต ผู้ค้า มาจำหน่ายในตลาด ซึ่งเป็นช่องทางในการกระจายสินค้าที่มีความโดดเด่น และช่วยให้เกษตรกร ผู้ผลิต ผู้ค้า สามารถจำหน่ายสินค้าได้เพิ่มขึ้น เพราะตลาดเฉพาะสินค้า มีความโดดเด่น ไม่เพียงแค่ตัวสินค้าที่นำมาจำหน่าย แต่ยังสามารถเชื่อมโยงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามาซื้อสินค้าด้วย”
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะผลักดันการเปิดตลาดเฉพาะสินค้า โดยจะเน้นในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไป เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต สงขลา กรุงเทพมหานคร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ภายในปี 2560
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า การจัดงาน “King Fruits paradise of Thailand : Durian Festival @ Udon Thani” กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 มิ.ย. - 15 ก.ย. 2560 โดยไฮไลต์ของงานที่จะสร้างความสนใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวภายในงาน คือ “มหกรรมบุฟเฟต์ทุเรียนแห่งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” โดยนำทุเรียนมาเสิร์ฟแบบไม่อั้น รวมถึงผลไม้อื่นอีกมากมาย ในราคาท่านละ 399 บาท ในเวลา 1.30 ชั่วโมง
นอกจากนี้จะมีการจำหน่ายสินค้าเกษตรผลไม้สดทุกชนิดตามฤดูกาล เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง มะละกอ ผักสวนครัว ที่ปลอดภัยจากสารพิษ รวมทั้งสินค้าเกษตรแปรรูป, การจำหน่ายอาหารทะเล ทั้งสด แปรรูป และอาหารตามสั่ง โดยยกอาหารทะเลสดๆ ทั้งกุ้ง หอย ปูปลา ปลาหมึก, การจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด ร้านธงฟ้าประชารัฐ รวมทั้งจะมีการจัดนิทรรศการให้ความรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์ และมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านทุกวัน
“การจัดงานครั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนและนักท่องเที่ยว รวมทั้งคนจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยคาดว่าจะมีการจับจ่ายใช้สอยและมีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลไม้ให้กับเกษตรกรแล้ว ยังเป็นการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้กับชุมชนด้วย” นายสนธิรัตน์กล่าว