xs
xsm
sm
md
lg

IRPC เผย Q2 ค่าการกลั่นรวมเฉลี่ยวูบ เร่งสรุปการลงทุนโครงการ BEYOND EVEREST

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ไออาร์พีซีคาดไตรมาส 2/60 ค่าการกลั่นรวมเฉลี่ยต่ำกว่าไตรมาสก่อนที่อยู่ระดับ 15.69 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังราคาน้ำมันและปิโตรเคมีทรงตัว พร้อมเร่งศึกษาผุดโครงการ BEYOND EVEREST

นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) เปิดเผยแผนลงทุน 5 ปี (ปี 60-64) ว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาโครงการ BEYOND EVEREST มูลค่าลงทุน 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการต่อยอดรองรับโครงการ EVEREST เพื่อเพิ่มขีดความสามารถองค์กรในทุกด้านแล้วเสร็จ โดยคาดว่าผลการศึกษาจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2560 เบื้องต้นจะเป็นการดำเนินโครงการผลิตพาราไซลีน (PX) ขนาด 900,000-1,000,000 ตัน/ปี โดยใช้วัตถุดิบจากโครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ (UHV) และการขยายกำลังการผลิตเอทิลีนอีกราว 50% จากที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ขณะเดียวกัน บริษัทก็มองโอกาสลงทุนโครงการผลิตผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ (specialty product) เพื่อสร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์ ซึ่งการลงทุนในส่วนนี้จะใช้เงินลงทุนไม่มากนัก โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการหาพันธมิตรเพื่อร่วมลงทุนในผลิตภัณฑ์ PP หลังการขยายกำลังการผลิต PP ที่จะแล้วเสร็จในกลางปีนี้ เพื่อรองรับตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ยังเติบโต

นายสุกฤตย์กล่าวต่อไปว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2560 บริษัทคาดว่าจะมีค่าการกลั่นรวมเฉลี่ย (GIM) ที่ไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน จะต่ำกว่าไตรมาส1/2560 ที่อยู่ระดับระดับ 15.69 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากราคาน้ำมันปรับลดลง ขณะที่ราคาปิโตรเคมียังทรงตัว แม้ว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอะโรเมติกส์ ทั้งเบนซีน และบิวทาไดอีน อ่อนตัวลงมาสู่ระดับปกติหลังจากที่ปรับขึ้นไปมากในช่วงไตรมาสแรกก็ตาม แต่บริษัทไม่ได้รับผลกระทบมากนักเพราะมีการผลิตผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอะโรเมติกส์ไม่มากนัก และไตรมาสนี้บริษัทไม่มีการปิดซ่อมบำรุงเหมือนไตรมาส1/2560

ภาพรวมทั้งปีนี้เชื่อว่า GIM ที่ไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกจะสูงกว่าระดับ 13.04 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีที่แล้ว แม้ว่าจะมีหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันในช่วงไตรมาสแรกประมาณ 30 วัน แต่ปีนี้จะได้รับประโยชน์เต็มที่จากโครงการ UHV ที่เริ่มเดินเครื่องเต็มที่เมื่อกลางเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้คาดว่าทั้งปีนี้จะมีการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ราว 1.8 แสนบาร์เรล/วัน

ขณะที่โครงการขยายกำลังการผลิตโพลีโพรพิลีน (PP) อีก 3 แสนตัน/ปี โดยเป็นการขยายกำลังการผลิต PP จากโรงงานเดิมอีก 1.6 แสนตัน/ปี และการผลิต PP Compound (PPC) 1.4 แสนตัน/ปี จะแล้วเสร็จในสิ้นไตรมาส 2/2560 ทำให้มี PP เพิ่มเป็น 7.75 แสนตัน/ปี จากปัจจุบันที่มีอยู่ 4.75 แสนตัน/ปี ทำให้การดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะอยู่ในระดับที่ดี ส่งผลให้มั่นใจว่าทั้งปีนี้จะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) สูงกว่าระดับ 1.74 หมื่นล้านบาทในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย
กำลังโหลดความคิดเห็น