ผู้จัดการรายวัน 360 - “คิงฟูด” ทายาท “ประยุทธ มหากิจศิริ” เดินหน้ารุกฟูดแอนด์เบฟเวอเรจเต็มตัว จ่อผนึกเจรจาทุกไลเซนส์แบรนด์ ยกพลลุยซีแอลเอ็มวี เล็งพัฒนาแบรนด์อาหารไทยบุกต่างประเทศ ปี 60 ทุ่ม 400 ล้านบาทขยายสาขา คว้า 2 แบรนด์ใหม่ “แพนเค้กไอฮ็อป-น้ำผักผลไม้ แจมบาร์ จูซ” จากอเมริการุกตลาดไทย
ดร.อุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ ประธานกรรมการ บริษัท คิง ฟูด กรุ๊ป จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจฟูดแอนด์เบฟเวอเรจ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะเจรจากับทางเจ้าของลิขสิทธิ์ทุกแบรนด์ที่ทางบริษัทฯ รับสิทธิ์ทำตลาดอยู่เพื่อขยายธุรกิจไปยังตลาดซีแอลเอ็มวี (CLMV) ทุกแบรนด์ เนื่องจากปัจจุบันสิทธิ์แฟรนไชส์ได้เฉพาะในไทย ซึ่งหากทำได้ทุกแบรนด์จะทำให้มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น อีกทั้งมีแผนที่จะพัฒนาแบรนด์ร้านอาหารไทยแบบคอนเทมโพรารี เพื่อนำตลาดอาหารไทยไปขยายธุรกิจในต่างประเทศด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันบริษัทฯ ถือไลเซนส์แฟรนไชส์จำนวน 6 แบรนด์ คือ คริสปี้ครีม โดนัท มีสาขา 28 แห่ง, แบรนด์ซินนาบอน แบรนด์บลูโกกิ บราเธอร์ส อาหารเกาหลี มี 2 สาขา ที่ โซนเฮลิกซ์ควอเทียร์ ศูนย์การค้าดิเอ็มควอเทียร์ และชั้น 2 ศูนย์การค้าสเปลล์ แอท ฟิวเจอร์พาร์ค, แบรนด์พายเฟสซ์ มี 3 สาขา และล่าสุดในปีนี้ได้เปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ คือ ไอฮ็อป ร้านแพนเค้กจากอเมริกา กับแบรนด์ แจมบาร์ จูซ เครื่องดื่มน้ำผักผลไม้จากอเมริกา
สำหรับในปี 2560 นี้บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนโดยรวมไว้ที่ 400 ล้านบาทเพื่อขยายสาขาแบรนด์ต่างๆ รวมทั้งการลงทุนซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์แบรนด์ใหม่เข้าสู่ตลาดประเทศไทยต่อเนื่อง เพิ่มจากปีที่แล้วที่ลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายภายในปีนี้จะมีรายได้รวมทุกแบรนด์ประมาณ 1,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วรายได้รวมประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากปี 2558 ประมาณ 15% สัดส่วนรายได้หลักมาจากแบรนด์คริสปี้ครีมกว่า 80-90% และวางแผนปี 2562 จะมีรายได้รวม 5,000 ล้านบาท โดยปีนี้จะเปิดสาขาใหม่ๆ เช่น แบรนด์ คริสปี้ครีม ประมาณ 8 สาขา เปิดไปแล้ว 4 สาขา, เปิดร้านซินนาบอน 4 สาขา, เปิดร้านไอฮ็อป 3 สาขา
ล่าสุดคือการซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์แบรนด์ แจมบาร์ จูซ เครื่องดื่มน้ำผักผลไม้จากอเมริกาเข้ามาเปิดในไทย เป็นประเทศที่ 70 โดยแบรนด์นี้มี 900 สาขาทั่วโลก ในไทยเปิดสาขาแรกที่สยามพารากอน ซึ่งปีนี้จะเปิดประมาณ 4 สาขา ราคาเฉลี่ย 110-180 บาทต่อแก้ว ตั้งเป้ายอดขายแบรนด์นี้ที่ 30 ล้านบาท เติบโต 18% ในปีหน้า ตั้งเป้า 10 ปีจะมี 40-50 สาขา จุดเด่นของแจมบาร์ จูซ คือ ผักและผลไม้ที่นำมาใช้ปราศจากสารเคมีตั้งแต่การใช้ปุ๋ย ดิน และการฟรีซความสดชื่น ซึ่งเงื่อนไขจะต้องนำเข้าผักและผลไม้จากต่างประเทศเข้ามาผลิต จับกลุ่มเป้าหมายคนรักสุขภาพทุกเพศทุกวัย
ดร.อุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ ประธานกรรมการ บริษัท คิง ฟูด กรุ๊ป จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจฟูดแอนด์เบฟเวอเรจ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะเจรจากับทางเจ้าของลิขสิทธิ์ทุกแบรนด์ที่ทางบริษัทฯ รับสิทธิ์ทำตลาดอยู่เพื่อขยายธุรกิจไปยังตลาดซีแอลเอ็มวี (CLMV) ทุกแบรนด์ เนื่องจากปัจจุบันสิทธิ์แฟรนไชส์ได้เฉพาะในไทย ซึ่งหากทำได้ทุกแบรนด์จะทำให้มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น อีกทั้งมีแผนที่จะพัฒนาแบรนด์ร้านอาหารไทยแบบคอนเทมโพรารี เพื่อนำตลาดอาหารไทยไปขยายธุรกิจในต่างประเทศด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันบริษัทฯ ถือไลเซนส์แฟรนไชส์จำนวน 6 แบรนด์ คือ คริสปี้ครีม โดนัท มีสาขา 28 แห่ง, แบรนด์ซินนาบอน แบรนด์บลูโกกิ บราเธอร์ส อาหารเกาหลี มี 2 สาขา ที่ โซนเฮลิกซ์ควอเทียร์ ศูนย์การค้าดิเอ็มควอเทียร์ และชั้น 2 ศูนย์การค้าสเปลล์ แอท ฟิวเจอร์พาร์ค, แบรนด์พายเฟสซ์ มี 3 สาขา และล่าสุดในปีนี้ได้เปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ คือ ไอฮ็อป ร้านแพนเค้กจากอเมริกา กับแบรนด์ แจมบาร์ จูซ เครื่องดื่มน้ำผักผลไม้จากอเมริกา
สำหรับในปี 2560 นี้บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนโดยรวมไว้ที่ 400 ล้านบาทเพื่อขยายสาขาแบรนด์ต่างๆ รวมทั้งการลงทุนซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์แบรนด์ใหม่เข้าสู่ตลาดประเทศไทยต่อเนื่อง เพิ่มจากปีที่แล้วที่ลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายภายในปีนี้จะมีรายได้รวมทุกแบรนด์ประมาณ 1,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วรายได้รวมประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากปี 2558 ประมาณ 15% สัดส่วนรายได้หลักมาจากแบรนด์คริสปี้ครีมกว่า 80-90% และวางแผนปี 2562 จะมีรายได้รวม 5,000 ล้านบาท โดยปีนี้จะเปิดสาขาใหม่ๆ เช่น แบรนด์ คริสปี้ครีม ประมาณ 8 สาขา เปิดไปแล้ว 4 สาขา, เปิดร้านซินนาบอน 4 สาขา, เปิดร้านไอฮ็อป 3 สาขา
ล่าสุดคือการซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์แบรนด์ แจมบาร์ จูซ เครื่องดื่มน้ำผักผลไม้จากอเมริกาเข้ามาเปิดในไทย เป็นประเทศที่ 70 โดยแบรนด์นี้มี 900 สาขาทั่วโลก ในไทยเปิดสาขาแรกที่สยามพารากอน ซึ่งปีนี้จะเปิดประมาณ 4 สาขา ราคาเฉลี่ย 110-180 บาทต่อแก้ว ตั้งเป้ายอดขายแบรนด์นี้ที่ 30 ล้านบาท เติบโต 18% ในปีหน้า ตั้งเป้า 10 ปีจะมี 40-50 สาขา จุดเด่นของแจมบาร์ จูซ คือ ผักและผลไม้ที่นำมาใช้ปราศจากสารเคมีตั้งแต่การใช้ปุ๋ย ดิน และการฟรีซความสดชื่น ซึ่งเงื่อนไขจะต้องนำเข้าผักและผลไม้จากต่างประเทศเข้ามาผลิต จับกลุ่มเป้าหมายคนรักสุขภาพทุกเพศทุกวัย