“สมคิด” คาดส่งออกเกษตรและอาหารปีนี้จะทำได้มูลค่า 26,538 เพิ่มขึ้น 8% หรือคิดเป็นเงินบาทกว่า 9 แสนล้าน หลังสินค้าไทยมีมาตรฐาน คู่ค้ายอมรับ เล็งดึงดูดอุตสาหกรรมอาหารที่มีนวัตกรรมลงทุนในอีอีซี มั่นใจผลักดันให้ไทยเป็นครัวของโลกได้แน่ “อภิรดี” เผยไทยส่งออกอาหารไปมากกว่า 200 ประเทศ เตรียมดันผู้ประกอบการใช้นวัตกรรมมาผลิตสินค้ามากขึ้น ส่วนการจัดงาน THAIFEX ปีนี้ คาดคนเข้าชมงาน 1.5 แสนคน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในการเป็นประธานเปิดงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX - World of food Asia 2017 ว่าปัจจุบันไทยส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารเฉลี่ยปีละ 8 แสนล้านบาท และปีนี้คาดว่าการส่งออกจะมีมูลค่า 26,538 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 8% จากเป้าเดิม 5% หรือคิดเป็นเงินบาทประมาณ 9 แสนล้านบาท เนื่องจากประเทศคู่ค้ามีความเชื่อมั่นในสินค้าไทยมากขึ้น จากการที่ไทยมีมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร มีการคุ้มครองแรงงาน ทำให้มีความเชื่อมั่นในการซื้อสินค้าไทยเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ รัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริมการลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่เน้นการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรม โดยมีเป้าหมายใน 10 อุตสาหกรรม และหนึ่งในนั้น คือ อุตสาหกรรมด้านอาหาร หากมีการมาลงทุนมากขึ้นจะเป็นการขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมอาหารของไทย และเพิ่มมูลค่าให้แก่อาหารไทย และมั่นใจว่าจะผลักดันให้ไทยเป็นครัวของโลกได้ตามเป้าหมายแน่นอน
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ไทยสามารถส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปยังประเทศต่างๆ มากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก โดยส่งออกมูลค่ากว่า 8 แสนล้านบาท และมีสินค้าอาหารของไทยที่อยู่ใน 5 อันดับแรกในตลาดโลก ได้แก่ ข้าว ไก่แปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป และสิ่งปรุงรสอาหาร ซึ่งกระทรวงฯ จะเร่งเดินหน้าและพัฒนาศักยภาพในอุตสาหกรรมอาหารของไทยต่อไป เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นครัวของโลกตามนโยบายที่รัฐบาลได้ตั้งไว้
“ที่ผ่านมาได้เดินหน้ายกระดับการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ผู้ประกอบการไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ที่มีแผนผลักดันให้นำเทคโนโลยีนวัตกรรมอาหารมาใช้ในภาคการผลิต เพื่อสร้างมูลค่าให้แก่สินค้าซึ่งจะสามารถยกระดับผู้ประกอบการไปสู่ตลาดโลกอย่างมีประสิทธิภาพและเข้มแข็ง” นางอภิรดีกล่าว
นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การจัดงานปีนี้มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 2,200 บริษัท 5,200 คูหา จาก 40 ประเทศ และเป็นปีแรกที่กลุ่ม Modern Trade รายใหญ่ เช่น แมคโคร บิ๊กซี ท็อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ตเข้าร่วมงาน และยังมีผู้ประกอบการรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 30% โดยกรมฯ ได้ตั้งเป้าหมายมีผู้เข้าชมงานประมาณ 1.5 แสนคน และมีมูลค่าการสั่งซื้อสินค้าในงานจะไม่ลดน้อยกว่าปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญมีแนวโน้มดีขึ้น จึงคาดว่าความต้องการสินค้าอาหารทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น
ส่วนไฮไลต์การจัดงานปีนี้ ได้เน้นในเรื่องนวัตกรรมอาหารที่มีการนำเสนอแนวโน้มอาหารโลก เพื่อให้ผู้ประกอบการทราบว่าจะไปในทิศทางไหน จะได้ไปคิดค้นและผลิตอาหารให้สอดคล้องกับความต้องการ และยังมีการจัดแสดงสินค้าที่แยกเป็นโซน เช่น โซนอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงสินค้าเกษตรอินทรีย์ สินค้าสมุนไพรที่รับประทานได้ และอาหารฮาลาล โซนบริการจัดเลี้ยง และธุรกิจบริการด้านอาหาร โซนเทคโนโลยีอาหาร โซนค้าปลีกและแฟรนไชส์ และยังมีการจัดแสดงกลุ่มประเภทผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ World of Seafood , World of Coffee & Tea และ World of Food Service เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมาด้วย