น้ำตาลบุรีรัมย์เผยรายได้ไตรมาส 2 พุ่งต่อรับอานิสงส์ราคาน้ำตาลโลกสูง ตั้งเป้าทั้งปีโต 30% ดึงบริษัทน้ำมันร่วมลงขันตั้งโรงงานผลิตเอทานอลและรุกโรงไฟฟ้าชีวมวล
นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) (BRR) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2560 คาดว่ามีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1.21 พันล้านบาทค่อนข้างมาก แม้ว่าจะมีปริมาณการส่งออกน้ำตาลในไตรมาสนี้อยู่ที่ 4 หมื่นตันใกล้เคียงปีก่อน แต่ราคาส่งออกน้ำตาลทรายดิบปรับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 23 เซ็นต์/ปอนด์ ทำให้ทั้งปีบริษัทคาดว่าจะมีรายได้โตขึ้น 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 4.68 พันล้านบาท
พร้อมกับวางเป้าหมายปริมาณการหีบอ้อยฤดูการผลิตปี 2560/61 เพิ่มขึ้นมาแตะ 2.8 ล้านตัน ทำให้ได้ผลผลิตน้ำตาลประมาณ 3.22 แสนตัน เพิ่มขึ้นจากปริมาณการหีบอ้อยฤดูการผลิตปี 2559/60 อยู่ที่ 2.2 ล้านตัน มีปริมาณน้ำตาล 2.51 แสนตัน
ส่วนความคืบหน้าการตั้งโรงงานผลิตน้ำตาลทรายบริสุทธิ์ (refinery sugar) ขนาดกำลังผลิต 1-1.2 พันตัน/วัน เงินลงทุน 1.5 พันล้านบาทนั้น คงต้องเลื่อนออกไปก่อนจากเดิมที่จะเริ่มก่อสร้างแล้วเสร็จในปีนี้ เพราะจะรอให้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานกลุ่มโรงไฟฟ้าน้ำตาลบุรีรัมย์ (BRRGIF) ออกจำหน่ายก่อนเพื่อจะนำเงินมาใช้ในการลงทุน รวมทั้งดูแนวโน้มมาร์จิ้นของน้ำตาลบริสุทธิ์ หลังจากทางยุโรปที่เคยเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลบริสุทธิ์รายใหญ่จะกลับมาส่งออกน้ำตาลบริสุทธิ์ได้อีกครั้ง คาดว่าโครงการนี้จะมีความชัดเจนในปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังได้หารือกับบริษัทน้ำมันเพื่อร่วมทุนตั้งโรงงานผลิตเอทานอล จากโมลาส ขนาด 1.5-2 แสนลิตร/วัน ใช้เงินลงทุน 1 พันบาท หลังจากพบว่าความต้องการใช้เอทานอลในประเทศยังมีต่อเนื่อง และไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากแนวโน้มการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
บริษัทเตรียมเสนอขายไฟฟ้าตามโครงการวีเอสพีพี ไฮบริด ที่รัฐจะรับซื้อในช่วงไตรมาส 3 นี้ โดยจะนำโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งที่ 3 กำลังผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์เข้าร่วมโครงการด้วย
นายอนันต์กล่าวถึงแผนการตั้งโรงงานน้ำตาลแห่งใหม่อีก 2 โรงที่บุรีรัมย์ และสุรินทร์ เงินลงทุนโรงละ 5 พันล้านบาทว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร 2-3 รายทั้งญี่ปุ่น และจีนให้เข้ามาร่วมทุน โดยพันธมิตรร่วมทุนจะเป็นผู้ส่งออกน้ำตาล หรือมีธุรกิจที่ใช้น้ำตาล เพื่อลดความเสี่ยงด้านราคาในการส่งออกไปต่างประเทศ โดยระหว่างนี้บริษัทจะเร่งขยายพื้นที่เพาะปลูกอ้อย รวมทั้งทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องใช้เวลา 2 ปีจึงดำเนินการก่อสร้างโรงงานใหม่ได้
สำหรับแหล่งเงินทุนนั้นจะมาจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลบุรีรัมย์ หรือ BRRGIF มูลค่าราว 3.6 พันล้านบาท ขณะนี้ได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พิจารณาแล้วคาดว่าจะสามารถระดมทุนได้ภายใน ก.ค.นี้ โดยเม็ดเงินที่ได้จะนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและต่อยอดธุรกิจน้ำตาลทราย