กรมทางหลวงชนบทกำชับผู้รับจ้างและที่ปรึกษาคุมงานรวม 126 บริษัท ยึดมาตรฐานและ กม.ด้านความปลอดภัยระหว่างก่อสร้างอย่างเข้มข้น พร้อมเร่งยกเครื่องคู่มือความปลอดภัยเพื่อดูแลประชาชนในการสัญจรในถนนที่มีการก่อสร้างเพื่อให้เป็นมาตรฐานสากลและมีความทันสมัย คาดเสร็จและใช้ได้ปี 61 “พิศักดิ์” เผยหลังเหตุชิ้นส่วนสะพานคอนกรีตร่วงที่ จ.พระนครศรีอยุธยา กรมฯ ได้ปรับวิธีมี check list การทำงานผู้รับจ้างแบบละเอียดยิบ
นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในการให้นโยบายและชี้แจงแนวทางการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยในงานก่อสร้างว่า จากนโยบายของกระทรวงคมนาคมที่มีความห่วงใยในสวัสดิภาพของชีวิตและทรัพย์สินของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้าง ทั้งผู้ปฏิบัติงาน ประชาชนที่อาศัยอยู่รอบเขตพื้นที่ก่อสร้าง ตลอดจนผู้ใช้เส้นทางจราจรผ่านบริเวณพื้นที่ก่อสร้างของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ดังนั้น เพื่อให้โครงการก่อสร้างที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทช.มีความปลอดภัยมากขึ้นและเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม ทช.จึงได้จัดประชุมเพื่อให้นโยบายและชี้แจงแนวทางการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยในงานก่อสร้าง ระหว่างกรมทางหลวงชนบท กับ บริษัทผู้รับจ้าง จำนวน 111 แห่ง บริษัทที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง จำนวน 15 แห่ง และผู้ควบคุมงานของ ทช.
ทั้งนี้ ตามมาตรฐานความปลอดภัยในการก่อสร้างมี 2 ส่วน คือ 1. มาตรฐานความปลอดภัยกับประชาชนผู้ใช้ทางสัญจรบนถนนที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งจะต้องมีการติดตั้งป้ายเตือน อุปกรณ์และสัญญาณไฟ 2. มาตรฐานความปลอดภัยกับบุคลากรที่ทำงานในพื้นที่ก่อสร้าง ทั้งของผู้รับจ้าง ผู้ควบคุมงาน ที่ปรึกษา และเจ้าหน้าที่ของกรมฯ ซึ่งได้กำชับให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติงานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมาตรฐานการดำเนินการด้านความปลอดภัยของ ทช. อย่างเคร่งครัด และเมื่อเกิดเหตุขัดข้องในกระบวนการการทำงาน ก่อนจะดำเนินการแก้ไขทุกครั้งจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นลำดับแรกเสมอ รวมถึงเมื่อเกิดเหตุแล้วจะต้องเยียวยาและชดเชยผู้ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน พร้อมหาทางแก้ไขเหตุขัดข้องนั้นให้เป็นไปตามขั้นตอนและมาตรฐานความปลอดภัยของ ทช.อย่างเคร่งครัดต่อไป
นายพิศักดิ์กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ชิ้นส่วนสะพานคอนกรีตสำเร็จรูปร่วง ระหว่างก่อสร้างที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อต้นปี 2559 กรมฯ ได้ปรับปรุงแนวทางในการดำเนินงานระหว่างการก่อสร้างให้มีมาตรฐานความปลอดภัยมากขึ้น เช่น เดิมไม่มีการ check list การทำงานของผู้รับจ้าง ปัจจุบันเมื่อกรมฯ ได้อนุมัติแผนการทำงานรวมไปแล้ว ในการทำงานแต่ละวันจะมีการ check list การทำงานก่อนเริ่มงาน ผู้รับจ้างต้องมีอะไร ต้องทำอะไร มีกระบวนการถูกต้องหรือไม่ และก่อนจะปิดงานในแต่ละวันจะต้องตรวจ check list อุปกรณ์ และงานที่ทำค้างอยู่ว่ามีความปลอดภัยหรือไม่ ซึ่งเป็นการพัฒนาการก่อสร้างให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งจนถึงขณะนี้อุบัติเหตุระหว่างก่อสร้างมีน้อยมาก และยังไม่มีอุบัติเหตุใหญ่
ซึ่งตามกฎกระทรวงแรงงาน ได้กำหนดวิธีปฏิบัติแนวทางความปลอดภัยในขณะก่อสร้างอยู่แล้ว ซึ่งกรมฯ ได้นำมาเน้นย้ำให้ผู้รับจ้างและผู้เกี่ยวข้องตระหนักและปฏิบัติตามอย่างเข้มข้น เพราะที่ผ่านมาผู้รับจ้างยังนำข้อกำหนดในกฎหมายมาใช้ในการทำงานไม่เต็มที่
นอกจากนี้ กรมฯ ได้ว่าจ้างสถาบันการศึกษาให้ศึกษาปรับปรุงคู่มือความปลอดภัยสำหรับประชาชนที่เดินทางในบริเวณที่มีการก่อสร้าง ให้เป็นมาตรฐานสากลและมีความทันสมัยตามเทคโนโลยีและเครื่องมือที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน เนื่องจากคู่มือที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้กำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งปัจจุบันการก่อสร้างมีรูปแบบใหม่ อุปกรณ์บางตัวยังไม่มี จึงต้องปรับปรุงเพื่อยกระดับโดยนำต้นแบบมาตรฐานมาจากต่างประเทศ รูปแบบของป้ายเตือน อุปกรณ์ต่างๆ โดยจะปรับปรุงเสร็จภายในปี 2560 จากนั้นจะเสนอไปกระทรวงคมนาคม คาดว่าจะนำมาใช้ได้ในปี 2561 เป้าหมายหลักคือเพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยในการใช้ทางระหว่างที่มีการก่อสร้าง
นายพิศักดิ์กล่าวว่า การนำข้อกำหนดต่างๆ เพื่อความปลอดภัยมาใช้อย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด อาจทำให้ผู้รับจ้างมีความยุ่งยากในการบริหารจัดการ เช่น การเพิ่มบุคลากรเพื่อกำกับดูแล ซึ่งในการกำหนดราคากลางได้คำนวนค่าใช้จ่ายในเนื้องานต่างๆ เพื่อความปลอดภัยไว้อยู่แล้ว จึงไม่กระทบต่อต้นทุนของผู้รับจ้าง เพียงแต่ที่ผ่านมามักทำกันไม่ครบ ดังนั้น กรมฯ จึงต้องประชุมเพื่อทำความเข้าใจ และให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ซึ่งกรมฯ ได้ตั้งสำนักตรวจสอบความปลอดภัยงานทาง ซึ่งจะขึ้นตรงต่ออธิบดี เพื่อทำหน้าที่ด้านการควบคุมกำกับความปลอดภัย