นบข.อนุมัติขายข้าวเสื่อมเข้าอุตสาหกรรม 5 แสนตัน ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 2-3 บาท ส่วนข้าวที่เปิดประมูลทั่วไปมีผู้สนใจยื่นซองเสนอราคา 58 ราย เตรียมพิจารณาก่อนชง นบข.อนุมัติ เผยหากขายได้หมดจะเหลือแค่ข้าวเข้าอุตสาหกรรม 2 ล้านตัน ข้าวเสื่อม 5 แสนตัน เตรียมระบายอีกในเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ มั่นใจเคลียร์สต๊อกหมดเร็วๆ นี้ ระบุ 3 ปี คสช.ระบายข้าวได้ 12.74 ล้านตัน มูลค่า 1.14 แสนล้าน ขาดทุนจากต้นทุนจำนำ 1.9 แสนล้าน
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เสนอผลการพิจารณาระบายข้าวกลุ่ม 3 หรือข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมที่มิใช่คนและสัตว์บริโภค ซึ่งเปิดประมูลไปเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2560 ให้ประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณา และประธาน นบข.ได้อนุมัติขายให้เอกชนจำนวน 10 ราย ใน 81 คลัง ปริมาณ 5 แสนตัน จากทั้งหมดที่นำมาเปิดประมูล 1.03 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 1,523 ล้านบาท
“การอนุมัติขายข้าวเสื่อมเข้าสู่อุตสาหกรรม คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวที่มี น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ได้พิจารณาและได้กำหนดเกณฑ์ราคาที่จะอนุมัติขายให้ผู้เสนอซื้อในราคาไม่ต่ำกว่าตันละ 2,000 บาท เพราะการเสนอซื้อข้าวเสื่อมรอบนี้มีการเสนอซื้อหลากหลายราคา โดยราคาต่ำสุดอยู่ที่ตันละ 500 บาท จึงต้องกำหนดเกณฑ์ขึ้นมา ส่วนที่เสนอต่ำกว่าก็ไม่อนุมัติขาย”
นางดวงพรกล่าวว่า สำหรับการเปิดประมูลข้าวสารเป็นการทั่วไปล็อตสุดท้าย ซึ่งเป็นข้าวกลุ่ม 1 ที่ใช้เพื่อการบริโภค ปริมาณ 1.82 ล้านตัน เมื่อวานนี้ (24 พ.ค.) มีผู้ยื่นซองเสนอราคา 58 ราย จากที่ผ่านคุณสมบัติ 59 ราย โดยราคาที่เสนอซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 4,000-11,900 บาท ซึ่งจะนำเสนอผลการเปิดซองให้คณะทำงานระบายข้าวสารสต๊อกรัฐบาลพิจารณาในวันที่ 26 พ.ค. และจากนั้นจะเสนอผลให้คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวพิจารณาวันที่ 31 พ.ค. ก่อนเสนอประธาน นบข.อนุมัติขายต่อไป
ทั้งนี้ กรมฯ จะเสนอแนวทางการระบายข้าวที่เหลือค้างสต๊อกให้ที่ประชุม นบข. พิจารณาในวันที่ 12 มิ.ย. โดยก่อนที่จะถึงวันนั้นจะทราบผลการประมูลข้าวทั่วไปว่าขายหมดหรือไม่ หากขายหมดก็จะเหลือข้าวกลุ่ม 2 หรือข้าวเข้าอุตสาหกรรมที่มิใช่อาหารคน 2 ล้านตัน ซึ่งจะเปิดระบายในเดือน มิ.ย.นี้ และข้าวกลุ่ม 3 อีก 5 แสนตันที่ยังเหลืออยู่จะระบายในเดือน ก.ค. โดยมั่นใจว่าจะระบายได้หมดแน่
สำหรับการส่งออกข้าวไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-17 พ.ค. 2560 ไทยส่งออกข้าวได้แล้ว 4.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 14.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ส่งออกได้ 3.8 ล้านตัน ซึ่งคิดเป็น 48% ของเป้าหมาย 9.5 ล้านตัน โดยมีมูลค่า 6.65 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ส่งออกมูลค่า 6.12 หมื่นล้านบาท หากคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐมีมูลค่า 1,951 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.6% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ส่งออกคิดเป็นมูลค่า 1,728 ล้านเหรียญสหรัฐ
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า การระบายข้าวสารสต๊อกรัฐบาลในช่วงที่ คสช.เข้ามาบริหารประเทศ หรือผ่านพ้นไป 3 ปี สามารถระบายข้าวออกไปได้ 12.74 ล้านตัน มูลค่า 1.14 แสนล้านบาท หรือเฉลี่ยมีการขายไปประมาณตันละ 9,038 บาท จะทำให้ขาดทุนจากต้นทุนรับจำนำข้าวเปลือก 1.5 หมื่นบาท หรือคิดเป็นต้นทุนข้าวสาร 2.4 หมื่นบาท หรือขาดทุนตันละ 1.49 หมื่นบาท รวม 12.74 ล้านตัน ทำให้ขาดทุนจากต้นทุนรับจำนำรวม 1.9 แสนล้านบาท ซึ่งสาเหตุที่ขาดทุนเพิ่มมากขึ้นเพราะมีการอนุมัติขายข้าวเสื่อมเข้าอุตสาหกรรม 5 แสนตัน ในราคาเฉลี่ยตันละ 2,000-3,000 บาท หรือ กก.ละ 2-3 บาท