“พาณิชย์” เผยส่งออก เม.ย.มีมูลค่า 16,864.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.49% ส่วนยอดรวม 4 เดือนเพิ่มขึ้น 5.69% ทำสถิติสูงสุดรอบ 6 ปี ชี้ส่งออกมีสัญญาณขาขึ้นหลังการค้าโลกขยายตัว เศรษฐกิจคู่ค้าฟื้นตัวชัดเจน เตรียมตั้งคณะทำงานมอนิเตอร์มาตรการการค้าสหรัฐฯ ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบแก่ไทย
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า การส่งออกไทยเดือน เม.ย. 2560 มีมูลค่า 16,864.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.49% ซึ่งขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 การนำเข้ามีมูลค่า 16,807.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13.38% โดยเกินดุลการค้า 56.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการส่งออกรวม 4 เดือนของปี 2560 มีมูลค่า73,320.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.69% ขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 ปี และการนำเข้ามีมูลค่า 69,211.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.47% และเกินดุลการค้า 4,109.6 ล้านเหรียญสหรัฐ
“การส่งออกถือว่ากลับมาฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนตามแนวโน้มการค้าโลกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยก็มีการฟื้นตัวชัดเจน ทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน ทำให้เป้าหมายการส่งออกที่ตั้งไว้ที่ 5% ในปีนี้น่าจะขยายตัวได้ในระดับใกล้เคียงที่คาดไว้ ซึ่งหลังจากนี้รัฐบาลจะต้องเร่งเครื่องผลักดันการส่งออกให้เป็นไปตามเป้าหมาย และไม่ตกขบวนการค้าโลกที่ฟื้นตัวกลับมาแล้ว” น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว
น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า ส่วนรายละเอียดการส่งออกรายสินค้าในเดือน เม.ย. 2560 พบว่าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรมีมูลค่า 2,831 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.8% สินค้าสำคัญที่ส่งออกเพิ่ม เช่น ข้าว เพิ่ม 22.7% ยางพารา เพิ่ม 41.1% อาหาร เพิ่ม 0.3% น้าตาล เพิ่ม 47% ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม มีมูลค่า 1.31 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.9% สินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่ม 3.0% เครื่องใช้ไฟฟ้า เพิ่ม 1.6% อัญมณี เพิ่ม 2.4% สินค้าที่ส่งออกลดลง คือ ยานยนต์ ลด 2.4% เป็นต้น
ด้านตลาดส่งออกสำคัญในเดือน เม.ย. 2560 พบว่า ตลาดหลักเพิ่ม 1.8% เช่น สหรัฐฯ เพิ่ม 3.5% ญี่ปุ่น เพิ่ม 3.3% ยกเว้นสหภาพยุโรป (15 ประเทศ) ติดลบ 1.7% ตลาดศักยภาพสูง เพิ่ม 13.8% เช่น อาเซียน เพิ่ม 13.2% โดยอาเซียนเดิมเพิ่ม 17.2% CLMV เพิ่ม 7.3% จีน เพิ่ม 20.2% อินเดีย เพิ่ม 9.0% ตลาดศักยภาพรอง เพิ่ม 3.5% เช่น ทวีปออสเตรเลีย เพิ่ม 8.8% แอฟริกา เพิ่ม 9.1% เว้นตะวันออกกลาง ลด 7.1% ส่วนตลาดอื่นๆ เพิ่ม 18.4%
ขณะที่สินค้านำเข้าเดือน เม.ย.พบว่า สินค้าทุน เพิ่ม 10.4% สินค้ากึ่งวัตถุดิบและสำเร็จรูป เพิ่ม 16% สินค้าเชื้อเพลิง เพิ่ม 34.7% เป็นต้น
น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมตั้งคณะทำงานขึ้นมาเป็นการภายใน เพื่อติดตามมาตรการทางการค้าที่สหรัฐฯ จะประกาศใช้เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ไทย เบื้องต้นมี 2 จุดที่จะต้องดู คือ กรณีที่เอกชนสหรัฐฯ ได้แจ้งต่อสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) โดยให้ข้อมูลในเชิงลบและขอให้สหรัฐฯ ใช้มาตรการทางการค้าที่เข้มข้นกับไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องเตรียมการชี้แจงและทำความเข้าใจ และกรณีที่สหรัฐฯ ได้แจ้งต่อสภาคองเกรสจะทบทวนการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) กับแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งสหรัฐฯ ได้เน้นการค้าในรูปแบบดิจิตอลเทรด และมุ่งแก้ไขปัญหาในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ภาคบริการ พิธีการศุลกากร แรงงาน สุขอนามัย และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะต้องติดตามว่าจะมีมาตรการอะไรออกมา