xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่ม ปตท.เบรกการลงทุนในอินโดฯ รอความชัดเจนด้านคดีความ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ซีอีโอ ปตท.ระงับการลงทุนใหม่ในกลุ่ม ปตท.ทั้งหมดที่อินโดนีเซีย รอความชัดเจนคดีฟ้องก่อน ยันขณะนี้ยังไม่ได้รับเอกสารสำนวนฟ้องร้องคดีเรียกค่าเสียหายกรณีน้ำมันรั่วไหลจากแหล่งมอนทาราเมื่อปี 52 พร้อมปฏิเสธไม่มีการยกเลิกความร่วมมือด้านพลังงาน และอายัดทรัพย์สินของกลุ่ม ปตท.ในอินโดนีเซีย

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ ปตท.และ ปตท.สผ.ยังไม่ได้รับเอกสารสำนวนฟ้องศาลเรียกค่าเสียหายจากกรณีน้ำมันรั่วจากแหล่งมอนทาราของรัฐบาลอินโดนีเซียเลย ดังนั้น การดำเนินธุรกิจของบริษัทในกลุ่ม ปตท.ที่มีอยู่แล้วในอินโดนีเซียก็ดำเนินการตามปกติ แต่จะไม่มีการลงทุนใหม่เพิ่มเติมจนกว่าคดีจะมีความชัดเจน

ซึ่งปัจจุบัน ปตท.มีการลงทุนในอินโดนีเซียหลายโครงการ อาทิ โครงการเหมืองถ่านหินที่มีแผนจะขยายการลงทุนเพิ่มเติม หลังจากสถานการณ์ราคาถ่านหินเริ่มดีขึ้น ส่วนธุรกิจปลูกปาล์มน้ำมันได้มีการทยอยขายไปจนเกือบหมดแล้ว บริษัทที่ดำเนินธุรกิจซื้อขายน้ำมันและปิโตรเคมี ส่วน ปตท.สผ.ได้มีการร่วมลงทุนในโครงการนาทูน่า ซีเอ มีปริมาณการขายก๊าซธรรมชาติประมาณ 224 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และน้ำมันดิบประมาณ 1,200 บาร์เรลต่อวัน

นายเทวินทร์กล่าวต่อไปว่า ตนได้เดินทางไปร่วมงาน Economic Forum 2017 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสพูดคุยกับรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม ประเทศอินโดนีเซีย โดยได้รับการปฏิเสธว่าการอายัดทรัพย์สินของ ปตท.และ ปตท.สผ.ที่อินโดนีเซียไม่เป็นความจริง เพราะการฟ้องร้องต้องพิจารณาหลักฐานและพยานตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งไม่มีการระงับความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างกันด้วยเพราะถือว่าเป็นคนละเรื่องกัน ที่ผ่านมา ปตท.เข้าไปลงทุนต่างประเทศไม่ได้มุ่งหวังผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสร้างประโยชน์ร่วมกัน

ทั้งนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียได้ยื่นฟ้องที่ศาลในกรุงจาการ์ตา หลังจากได้รับร้องเรียนจากกลุ่มชาวประมงอินโดนีเซียถึงผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วที่แหล่งมอนทารา โดยกลุ่มชาวประมงอินโดนีเซียได้มีการยื่นฟ้องศาลที่ออสเตรเลียด้วย ซึ่ง ปตท.คาดหวังว่าการฟ้องร้องดังกล่าวจะมีความชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งแนวทางของรัฐบาลอินโดนีเซียในเรื่องดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ปตท.จะหารือเพิ่มเติมกับ ปตท.สผ.เกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้การเจรจาระหว่างบริษัทกับอินโดนีเซียได้หยุดชะงักไปช่วงเวลาในปี 2555 ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้มีความร่วมมือกันกับรัฐบาลอินโดนีเซียตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น โดย ปตท.สผ.ได้แสดงจุดยืนมาโดยตลอดว่าพร้อมที่จะรับผิดชอบผลกระทบหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกรณีน้ำมันรั่วไหล โดยต้องมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ โดยช่วงนั้น ปตท.สผ.ได้ขอเข้าไปร่วมศึกษากับอินโดนีเซียเพื่อดูข้อมูลความเสียหายและกำหนดแนวทางการชดเชย ขณะเดียวกันก็มีการเข้าไปทำ CSR เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งตรงนี้ได้หยุดชะงักไป ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แม้ว่าปัจจุบันการทำ CSR จะยังมีอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงก็ตาม

สำหรับประเด็นการฟ้องร้องเรื่องท่อก๊าซฯ ปตท.นั้น ในส่วน ปตท.ได้ทำทุกอย่างในขอบเขตที่ทำได้และสมควรทำ ถ้าศาลปกครองฯ มีคำสั่งเพิ่มเติมเราก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมาย โดยจะไม่ทำนอกเหนือจากที่ศาลมีคำสั่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น