“ธนารักษ์” อ้างบีบ ปตท.คืนท่อก๊าซฯ ไม่ได้ หวั่นกระทบผู้ถือหุ้นรายอื่น ต้องรอศาลชี้ขาด

กรมธนารักษ์อ้างกระทรวงการคลังถือหุ้นใน ปตท.ร้อยละ 51.1 จึงอยู่ในฐานะส่วนราชการที่มีอำนาจแบ่งแยกทรัพย์สิน ปตท.ตามคำพิพากษาศาล แต่ถ้าใช้อำนาจดังกล่าวก็จะเป็นการใช้อำนาจบังคับเอาทรัพย์สินของผู้ถือหุ้นรายย่อย ต้องรอให้ศาลปกครองสูงสุดชี้ขาดก่อน

นางสาวอมรรัตน์ กล่ำพลบ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมธนารักษ์ ชี้แจงกรณีที่ สตง.แสดงความเห็นการแบ่งแยกทรัพย์สินของการปิโตรเลียมไม่ครบถ้วน คณะรัฐมนตรีในฐานะฝ่ายบริหารควรที่จะใช้อำนาจบังคับเอากับทรัพย์สินคืน ว่า กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใน บริษัท ปตท. จำกัด ในอัตราร้อยละ 51.1 และมีกองทุนวายุภักษ์ เป็นผู้ถือหุ้นในอัตราร้อยละ 13.76 กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นและในฐานะส่วนราชการที่มีอำนาจในการแบ่งแยกทรัพย์สินตามคำพิพากษาย่อมสามารถที่จะให้มีการแบ่งแยกทรัพย์สินให้ครบถ้วนได้ แต่การใช้อำนาจดังกล่าวก็ย่อมจะเป็นการใช้อำนาจของรัฐในฐานะผู้ถือหุ้นบังคับเอากับทรัพย์สินของบรรดาผู้ถือหุ้นรายอื่น และไม่เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดที่มีคำสั่งว่ามีการดำเนินการตามคำพิพากษาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น เมื่อมีข้อขัดแย้งเกี่ยวกับการตีความตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดควรเสนอเรื่องเพื่อให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำวินิจฉัยชี้ขาดเกี่ยวกับการบังคับคดีตามคำพิพากษาให้ได้ข้อยุติเสียก่อน

นายสุพจน์ เหล่าสุอาภา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สำนักกฎหมาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุด คาดว่าจะนัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงพลังงาน คลัง กรมธนารักษ์ และ ปตท.เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมหรือชี้แจงในเร็วๆ นี้ โดย ปตท.ก็พร้อมข้อมูลและเอกสารต่างๆ หากทางสำนักงานอัยการสูงสุดร้องขอ ซึ่งเป็นไปตามมติ ครม.ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือกับสำนักงานอัยการสูงสุดในการวินิจฉัยคดีท่อก๊าซฯ ปตท. ส่วนทางสำนักงานอัยการสูงสุดจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดหรือไม่นั้น เมื่อไร ไม่อาจทราบได้