“พาณิชย์” คัดร้าน “หนูณิชย์ติดดาว” จากทั่วประเทศ ล่าสุดได้ 387 ร้าน จาก 12,200 ร้านทั่วประเทศ หลังผ่านเกณฑ์คุณภาพ มาตรฐาน สะอาด อร่อย ราคาไม่เกิน 35 บาท ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 500 ร้านในระยะต่อไป “สนธิรัตน์” ย้ำไม่เน้นเพิ่มปริมาณ แต่ขอคุมคุณภาพ หากร้านใดได้ดาวไปแล้วคุณภาพลด ยึดดาวคืน
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเปิดตัวร้าน “หนูณิชย์ติดดาว” ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการยกระดับร้านอาหารหนูณิชย์ที่มีอยู่จำนวน 12,200 ร้านทั่วประเทศ แยกเป็นกรุงเทพฯ 3,811 ร้าน ภูมิภาค 8,370 ร้าน ให้มีการพัฒนาในด้านคุณภาพมาตรฐาน แต่ยังคงความสะอาด อร่อย และราคาถูกไม่เกิน 35 บาทเหมือนเดิม โดยได้ทำการคัดเลือกจากร้านที่มีอยู่ทั้งหมด และได้ทำการผลักดันให้เป็น “ร้านหนูณิชย์ติดดาว” ซึ่งขณะนี้ทำการคัดเลือกได้แล้วจำนวน 387 ร้าน เป็นร้านในกรุงเทพฯ 70 ร้าน และต่างจังหวัด 317 ร้าน ถือเป็นร้านที่ได้รับการรับประกันว่าเป็นร้านอาหารที่มีราคาถูกและดี
สำหรับร้านหนูณิชย์ติดดาวทั้ง 387 ร้าน กระทรวงฯ ได้มอบตราสัญลักษณ์หนูณิชย์ติดดาวให้ทางร้านค้าเพื่อนำไปติด และแสดงให้เห็นว่าเป็นร้านที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงฯ และยังได้นำไปใส่ไว้ในแอปพลิเคชัน “ลายแทงของถูก” เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ โดยประชาชนสามารถคลิกเข้าไปดูได้เลยว่าในพื้นที่ที่ตัวเองอยู่มีร้านหนูณิชย์ติดดาวตั้งอยู่ตรงไหน ถ้าอยากไปก็ใช้กูเกิลแมปเดินทางไปได้เลย
“การผลักดันร้านอาหารหนูณิชย์เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนในการบริโภคอาหารปรุงสำเร็จในราคาประหยัด ซึ่งหลังจากที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน มีร้านหนูณิชย์ทั้งประเทศเกิดขึ้นแล้ว 12,200 ร้าน อยู่ในกรุงเทพฯ 3,811 ร้าน ต่างจังหวัด 8,370 ร้าน และมีร้านหนูณิชย์ในรูปแบบรถขายอาหารเคลื่อนที่ หรือฟูดทรักอีก 19 คัน และเห็นว่าควรจะต้องพัฒนาร้านหนูณิชย์ให้ดียิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของการค้นหาร้านหนูณิชย์ติดดาว โดยตั้งเป้าหมายจะผลักดันให้มีมากกว่า 500 ร้านในระยะต่อไป แต่ก็ไม่ได้เน้นการเพิ่มปริมาณ เพราะอยากเน้นในเรื่องคุณภาพมากกว่า ส่วนร้านที่ได้ดาวไปแล้ว ถ้ามีคุณภาพมาตรฐานด้อยลงก็จะยึดดาวคืน” นายสนธิรัตน์กล่าว
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ คาดหวังว่าร้านหนูณิชย์ติดดาวจะเป็นที่นิยมของประชาชนและนักท่องเที่ยวในการบริโภคอาหารราคาประหยัด และสามารถช่วยลดภาระค่าครองชีพในด้านการบริโภคอาหารลงมาได้จริง ขณะที่ผู้ประกอบการร้านอาหารหนูณิชย์สามารถที่จะประกอบธุรกิจร้านอาหารได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนได้ต่อไป