“พาณิชย์” ดันไทยเป็นเป็นศูนย์กลางการผลิตและถ่ายทำภาพยนตร์ในภูมิภาค หลังรัฐบาลอัดฉีดกองถ่ายหนังต่างชาติ ที่เข้ามาถ่ายทำในเมืองไทยขั้นต่ำ 50 ล้านบาท ขอคืนเงินได้ 15% และขอเพิ่มได้อีก 5% หากจ้างคนงานไทยและโปรโมตท่องเที่ยวไทย ระบุปีที่ผ่านมามีภาพยนตร์ต่างชาติใช้ไทยเป็นที่ถ่ายทำเพิ่มขึ้น 15% เล็งดันภาพยนตร์ไทยโกอินเตอร์ พร้อมจับมือนักลงทุน ผู้สร้าง ผู้กำกับร่วมมือธุรกิจภาพยนตร์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดยุทธศาสตร์เกี่ยวกับธุรกิจบริการด้านภาพยนตร์ โดยตั้งเป้าผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตงาน ฐานการลงทุนที่มีคุณภาพสูงของเอเชีย และเป็นประตูสำหรับนักลงทุน นักธุรกิจต่างชาติที่จะเข้ามาทำธุรกิจในภูมิภาค หลังจากที่ธุรกิจบริการด้านภาพยนตร์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากปีที่ผ่านมามีจำนวนของภาพยนตร์ที่ใช้ไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำเพิ่มขึ้นถึง 15% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์ก็มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งธุรกิจบริการสตูดิโอและอุปกรณ์ในการถ่ายภาพยนตร์ บริการเช่ารถ นักแสดง ธุรกิจบริการด้าน Location ธุรกิจบริการด้าน Visual effect/Computer Graphics ธุรกิจโรงภาพยนตร์ ธุรกิจแอนิเมชันและสเปเชียล เอฟเฟกต์ รวมไปถึงร้านอาหาร การจัดเลี้ยง เป็นต้น
ทั้งนี้ กระทรวงฯ เห็นว่าไทยมีโอกาสเป็นฮับในการผลิตและถ่ายทำภาพยนตร์ได้เร็วมากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศสิทธิประโยชน์ที่ให้แก่ภาพยนตร์และสื่อโทรทัศน์ที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยที่จะมีผลในปีนี้ คือ การให้เงินคืน 15% สำหรับโปรเจกต์ที่มีการลงทุนภายในประเทศไทยขั้นต่ำ 50 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 20% ได้ เมื่อรวมกับ 3% หากมีการจ้างงานบุคลากรไทยในตำแหน่งที่สำคัญกับโปรเจกต์นั้นๆ และอีก 2% หากมีการโปรโมตประเทศไทยในด้านการท่องเที่ยว
นางอภิรดีกล่าวว่า สำหรับแผนการพัฒนาบุคลากรรองรับ ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศทำแผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในสาขาที่เกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์ในทุกด้าน เพื่อให้มีทักษะเพิ่มมากขึ้น และสามารถรับจ้างผลิตงานที่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ รวมทั้งผลักดันให้มีการสร้างความโดดเด่นด้านผลงานของผู้ประกอบการไทย การใช้ความคิดสร้างสรรค์ การสร้างสรรค์ผลงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา และการสร้างแบรนด์ เพื่อให้ผลงานของคนไทยเป็นที่ยอมรับ
ส่วนการทำตลาดต่างประเทศ กระทรวงฯ จะมุ่งการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล และหน่วยงานภาคเอกชนกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อขยายตลาดการส่งออกภาพยนตร์ไทย โดยจะนำภาพยนตร์ไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่สำคัญของโลกอย่างต่อเนื่อง จัดคณะผู้แทนการค้าไปร่วมงานและเจรจาซื้อขายภาพยนตร์ เช่น งาน Cannes Film Festival งาน MIPCOM งาน American Film Market เทศกาลภาพยนตร์ไทยในกัมพูชา งาน Taipei Film Festival ซึ่งประเทศดังกล่าวเป็นเป้าหมายสำคัญของไทยในการส่งออก และยังมีแผนที่จะเสริมสร้างมิตรทางการค้ากับผู้ลงทุน ผู้สร้าง ผู้กำกับ นักธุรกิจในต่างประเทศ ได้แก่ การจัด Thai Night และ Networking Party เพื่อเพิ่มความร่วมมือของไทยกับต่างชาติในการถ่ายทำภาพยนตร์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง