กรมพัฒนาธุรกิจการค้าปรับขั้นตอนการเริ่มต้นทำธุรกิจ ลดขั้นตอนจาก 5 เหลือ 3 และใช้เวลาจาก 25.5 วันเหลือเพียง 2 วัน มั่นใจปีนี้ธนาคารโลกจัดอันดับไทยดีขึ้นจาก 78 แน่นอน ส่วนยอดตั้งบริษัทใหม่เดือน เม.ย. เพิ่ม 20% ทุนจดทะเบียนเพิ่ม 75% ทำยอดรวม 4 เดือนตั้งใหม่ 2.35 หมื่นราย เพิ่ม 10% มั่นใจทั้งปีทำได้ตามเป้า 6.6 หมื่นราย
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ได้หารือกับผู้แทนธนาคารโลก (World Bank) โดยได้ชี้แจงความคืบหน้าการปรับปรุงพัฒนาขั้นตอนการเริ่มต้นธุรกิจ ซึ่งสามารถลดขั้นตอนการจดทะเบียน ระยะเวลาการจดทะเบียน และต้นทุนการจดทะเบียนลงได้ โดยลดขั้นตอนได้จากเดิม 5 ขั้นตอน ใช้เวลา 25.5 วัน เหลือเพียง 3 ขั้นตอน ใช้เวลา 2 วัน และลดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการจากเดิม 6,600 บาท เหลือเพียง 5,800 บาท ทำให้มั่นใจว่าปีนี้การจัดอันดับการเริ่มต้นธุรกิจของไทยที่จะประกาศผลในเดือน ต.ค. 2560 ดีขึ้นจากปัจจุบันที่อยู่ในลำดับที่ 78
สำหรับขั้นตอนที่ลดลงจากเดิม 5 ขั้นตอน 25.5 วันนั้น เริ่มจากการจองชื่อบริษัท ใช้เวลา 0.5 วัน การชำระเงินทุนเข้าธนาคาร 1 วัน การจัดทำตราประทับ 2 วัน การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทและการขอเลขทะเบียนนายจ้าง 1 วัน การยื่นสำเนาข้อบังคับการทำงาน 21 วัน และการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม 0 วัน ปรับใหม่เหลือเพียง 3 ขั้นตอน 2 วัน คือ การจองชื่อบริษัทและจดทะเบียนตั้งบริษัท 1 วัน การชำระเงินทุนเข้าธนาคาร 1 วัน และการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม 0 วัน
“กรมฯ ได้ตัดขั้นตอนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจออกไป ทั้งการยกเลิกการมีตราประทับในการจดทะเบียนบริษัท ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 21/2560 เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2560 ซึ่งส่งผลให้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลดลง 800 บาท และยกเลิกการยื่นสำเนาข้อบังคับการทำงาน เพราะเป็นเรื่องที่ธุรกิจต้องดำเนินการ หากการทำธุรกิจในระยะต่อไปเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน” น.ส.บรรจงจิตต์กล่าว
น.ส.บรรจงจิตต์กล่าวว่า การจดทะเบียนธุรกิจในเดือน เม.ย. 2560 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศจำนวน 4,783 ราย เพิ่มขึ้น 20% เทียบกับ เม.ย. 2559 มีทุนจดทะเบียน 2.18 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 75% ซึ่งสาเหตุที่ทุนจดทะเบียนเพิ่มสูงขึ้นมากเนื่องจากมีธุรกิจจำนวน 4 รายที่มาจดทะเบียนมีทุนเกิน 1,000 ล้านบาท เป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3 ราย เนื่องจากมีการนำที่ดินว่างเปล่ามาใช้ประโยชน์ หลังจากที่รัฐบาลจะมีการเรียกเก็บภาษีที่ดินที่มิได้มีการใช้ประโยชน์ตาม พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2560 ส่วนอีก 1 ราย เป็นธุรกิจเกี่ยวกับสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ ทำให้ยอดตั้งใหม่ 4 เดือนของปี 2560 (ม.ค.-เม.ย.) มีจำนวน 2.35 หมื่นราย เพิ่มขึ้น 10% โดยมีทุนจดทะเบียนจัดตั้ง 9.19 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2%
ส่วนการจดทะเบียนนิติบุคคลเลิกเดือน เม.ย. 2560 มีจำนวน 878 ราย ลดลง 2% มีทุนจดทะเบียนเลิก 3,952 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% ส่งผลให้การจดทะเบียนเลิกช่วง 4 เดือนของปี 2560 มีจำนวน 3,859 ราย ลดลง 14% และมีทุนจดทะเบียนเลิก 1.30 หมื่นล้านบาท ลดลง 75%
ทั้งนี้ กรมฯ มั่นใจว่าในปีนี้ยอดจดทะเบียนตั้งธุรกิจใหม่จะทำได้ตามเป้า 6.6 หมื่นราย เพิ่มขึ้น 3% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตขึ้น จากการส่งออกที่ขยายตัวดีขึ้น การลงทุนภาครัฐดีขึ้น และการลงทุนภาคเอกชนที่ยังมีการขยายตัว แต่ต้องจับตาปัจจัยเสี่ยง ทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า ความผันผวนของตลาดเงิน ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปัญหาการเมืองในยุโรป และความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ