ร.ฟ.ท.ทยอยเปิดทีโออาร์รถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-หัวหิน รับฟังคำวิจารณ์แล้ว วงเงินรวมกว่า 1.68 หมื่นล้าน ซอยก่อสร้าง 2 ช่วง สัญญา 1 ช่วงนครปฐม-หนองปลาไหล 93 กม. ราคากลางกว่า 8,465 ล้าน สัญญาที่ 2 ช่วงหนองปลาไหล-หัวหิน 76 กม. ราคากลางกว่า 7,384 ล้าน พร้อมเข็นทีโออาร์ประมูลซื้อหัวจักร 50 คัน ราคากลาง 6,240 ล้าน เร่งส่งมอบใน 2 ปีครึ่ง
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ร.ฟ.ท.ได้นำร่างทีโออาร์ประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน ลงเว็บไซต์แล้ว เพื่อเปิดรับฟังคำวิจารณ์ ครั้งที่ 1 โดยเริ่มเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 60 สิ้นสุดวันที่ 16 พ.ค. 60 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศร่างทีโออาร์ ประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม. ไปแล้ว 3 ครั้ง
สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน แบ่งการก่อสร้างงานโยธาและระบบรางเป็น 2 สัญญา โดยสัญญาที่ 1 ช่วงนครปฐม-หนองปลาไหล ระยะทางรวมประมาณ 93 กิโลเมตร ราคากลาง 8,465,430,000 บาท เริ่มจาก (กม.47+700-กม.140+700) เป็นการก่อสร้างทางรถไฟใหม่เพิ่ม 1 ทาง ขนานไปกับทางรถไฟเดิม เป็นทางวิ่งระดับพื้นดิน มีสะพานรถไฟ 80 สะพาน สะพานรถไฟเหล็ก 1 สะพาน มี 17 สถานี
สัญญาที่ 2 ช่วงหนองปลาไหล-หัวหิน ระยะทางรวมประมาณ 76 กิโลเมตร ราคากลาง 7,384,750,000 บาท เริ่มจาก (กม.140+700-กม.217+008) เป็นการก่อสร้างทางรถไฟใหม่เพิ่ม 1 ทาง ขนานไปกับทางรถไฟเดิม เป็นทางวิ่งระดับพื้นดิน มีสะพานรถไฟ 92 สะพาน โครงสร้างทางรถไฟทางคู่ยกระดับ 1 แห่ง มีสถานีรถไฟระดับพื้นดิน 9 สถานี สถานีรถไฟยกระดับ 1 สถานี
***ปัดฝุ่นประมูลซื้อหัวจักร 50 คัน ราคากลาง 6,240 ล้าน
นอกจากนี้ ร.ฟ.ท.ยังได้ประกาศร่าง TOR ประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ การซื้อรถจักรดีเซลไฟฟ้า (Diesel Electric Locomotive) น้ำหนักกดเพลา 16 ตัน/เพลา จำนวน 50 คัน ราคากลาง 6,240 ล้านบาท โดยเปิดรับฟังคำวิจารณ์ระหว่างวันที่ 9 พ.ค.-29 พ.ค. 60 และกำหนดเงื่อนไขระยะเวลาส่งมอบงวดที่ 1 จำนวน 2 คัน ภายใน 18 เดือน นับจากวันลงนามสัญญาซื้อขาย งวดที่ 2 จำนวน 48 คัน ภายใน 30 เดือน นับจากวันลงนามสัญญาซื้อขาย
โดยก่อนหน้านี้ ร.ฟ.ท.ได้เปิดประมูลซื้อหัวรถจักร 50 คัน วงเงิน 6.151 ล้านบาท แต่ปรากฏว่ามีผู้ยื่นประมูลเพียง 1 ราย จากที่มีผู้ซื้อซองไปทั้งสิ้น 14 ราย และเป็นที่จับตามองว่ามีความพยายามที่จะผลักดันให้เดินหน้าเจรจาต่อรองกับบริษัทที่ยื่นซองเพียงรายเดียวโดยไม่มีการแข่งขันราคา นับเป็นการประมูลโดยวิธีพิเศษ จนต้องล้มประมูลในครั้งนั้น
ทั้งนี้ การจัดซื้อหัวรถจักร 50 คัน เพื่อนำมาใช้ทดแทนหัวรถจักรเก่าที่ใช้งานมานานและไม่สามารถซ่อมบูรณะได้ ซึ่งปัจจุบันมีรถจักรสภาพพร้อมใช้งานเพียง 144 คัน/วัน ขณะที่มีความต้องการใช้งานเพื่อเดินขบวนรถตามตารางปกติอย่างน้อย 165 คัน/วัน แบ่งเป็นรถจักรสำหรับขนส่งผู้โดยสารปกติ 95 คัน และขนส่งสินค้าปกติ 70 คัน และเดินขบวนรถเมื่อต้องการอีกวันละ 12 คัน รวม 177 คัน/วัน ทำให้ต้องงดบริการเดินรถสินค้า ส่งผลให้เสียโอกาสในการหารายได้