การบินไทยส่อแววยื้อสรรหาดีดีคนใหม่ หลังเปิดแสดงวิสัยทัศน์ 4 ผู้บริหารแต่ไม่กำหนดจะประกาศผลเมื่อใด สหภาพฯ ชี้ใช้เวลาสรรหานานเกินไปแล้ว หากยังไม่สรุปผลเชื่องานนี้มีล็อกเก้าอี้ ตั้งคำถามจะยื้อรอใคร ระบุบริษัทต้องการนักการตลาดมืออาชีพมาช่วยหารายได้เพิ่ม ซึ่ง 1 ใน 4 คุณสมบัติเหมาะสมเพียงพอ เปิดวิสัยทัศน์ผู้สมัครล้วนมุ่งบุกตลาดเพิ่มรายได้เพื่อฟื้นฟูธุรกิจบริษัท
รายงานข่าวจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 60 ได้มีการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) การบินไทย จำนวน 4 คน ซึ่งผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ ได้แก่ นายดนุช บุนนาค ที่ปรึกษากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ การบินไทย, นายธีรวิทย์ จารุวัฒน์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน), นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล อดีตผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ นายวิสิฐ ตันติสุนทร อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการแล้ว โดยยังไม่มีกำหนดว่าจะแจ้งหรือประกาศผลการสรรหาเมื่อใด
นายดำรงค์ ไวยคณี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย กล่าวว่า ผู้เข้าแสดงวิสัยทัศน์ทั้ง 4 คนเคยเป็นผู้บริหารสูงสุดขององค์กร และมีนักการตลาดที่มีความรู้ความสามารถที่น่าจะช่วยสร้างรายได้กอบกู้การบินไทยในขณะนี้ได้ เช่น นายดนุช เคยเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ (DN) ปี 2555-2556 เติบโตมาทางด้านการตลาด รอบรู้ในธุรกิจการบิน ส่วนนายยงสิทธิ์ อดีตผู้ว่าฯ รฟม.เป็นนักการตลาด เริ่มก่อตั้ง บมจ.ไทยคม จากรายได้เป็นศูนย์ ปัจจุบันมีกำไรแต่ละปีนับหมื่นล้าน เป็นต้น ดังนั้น 1 ใน 4 ผู้สมัครนี้ถือว่าเหมาะสมที่จะคัดสรรเป็นดีดีของการบินไทย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการบินไทยต้องประสบกับการขาดทุน สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะการเลือกดีดีตามใบสั่งขึ้นอยู่กับเป็นคนของใคร ทำให้เมื่อเข้ามาบริหารจะขาดอิสระในการตัดสินใจ และมักจะจ้างที่ปรึกษา ซึ่งค่าจ้างดีดีเดือนละ 9 แสนบาท รวมค่ารับรองอีกประมาณ 1 แสนบาท เป็น 1 ล้านบาท แต่ดีดีบางคนต้องมีที่ปรึกษาอีกรวมค่าจ้างประมาณเดือนละเกือบ 3 ล้านบาท
สำหรับการสรรหาดีดีการบินไทยครั้งนี้มีประเด็นที่น่าจับตามอง เนื่องจากนายจรัมพร โชติกเสถียร พ้นวาระวันที่ 9 ก.พ. 60 มีการเปิดรับสมัครดีดี โดยสิ้นสุดรับสมัคร 31 ตุลาคม 2559 มีผู้ยื่นใบสมัคร 7 คน ขอถอนตัว 1 คน เหลือ 6 คน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่น่าจะเพียงพอต่อการสรรหาแล้ว แต่กรรมการสรรหาฯ ได้ประกาศขยายเวลารับสมัครออกไปถึงวันที่ 1 ธ.ค. 2559 โดยที่ยังไม่มีการตรวจสอบคุณสมบัติหรือเรียกผู้สมัครทั้ง 6 คนมาให้แสดงวิสัยทัศน์ ซึ่งครั้งนี้มีผู้สมัครเพิ่ม 3 คน รวมถึงนายณรงค์ชัย ว่องธนะวิโมกษ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการเงินและการบัญชี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ที่ขอถอนตัวในครั้งแรกที่ได้ยื่นสมัครใหม่
การบินไทยใช้เวลาตรวจสอบคุณสมบัติเกือบ 5 เดือนจึงรู้ผลผู้ผ่านด้านคุณสมบัติ และให้แสดงวิสัยทัศน์เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2560 อย่างไรก็ตาม ควรเร่งสรุปเลือกดีดีโดยเร็ว เพราะการปล่อยให้มีรักษาการดีดียาวนานเป็นการสร้างช่องว่างให้ผู้มีอำนาจเข้าแสวงหากอบโกยผลประโยชน์ ซึ่งการบินไทยต้องการผู้ที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงเพื่อกอบกู้องค์กร และพัฒนาการบินไทยไปสู่ความยั่งยืน และสามารถสร้างรายได้เข้ารัฐเพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่สร้างประโยชน์เฉพาะกลุ่ม
รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานการบินไทยได้มีการแชร์ข้อมูลการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครดีดีกันอย่างกว้างขวาง และวิเคราะห์กันว่าแม้จะแสดงวิสัยทัศน์ได้ดี แต่การประกาศผลอาจจะยืดเยื้อเพราะไม่มีตัวเต็งอย่างนายณรงค์ชัย ที่ไม่ผ่านด้านคุณสมบัติ เนื่องจากลาออกจาก ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการบินไทย ยังไม่ครบ 3 ปีตามเงื่อนไขในประกาศ
รายงานข่าวแจ้งว่า นายดนุช บุญนาค ที่ปรึกษากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ได้แสดงวิสัยทัศน์โดยรวมว่า ฝ่ายการตลาดของการบินไทยในปัจจุบันยังถือว่าทำงานได้ไม่ตรงตามเป้าหมาย และหารายได้จากการขายตั๋วโดยสารได้ต่ำกว่าเป้า แม้จะมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารถึง 85% แสดงให้เห็นถึงระบบโครงสร้างการบริหารที่ยังไม่สอดคล้องกับระบบเทคโนโลยีที่การบินไทยได้จัดทำมา และการลดราคาค่าตั๋วโดยสารเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นก็ไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง และทำให้รายได้ที่สะท้อนกลับมาเป็นรายได้ที่ไม่มีคุณภาพ และช่องทางการขายควรเน้นทุกช่องทางทั้งเก่าและใหม่ ซึ่งช่องทางการขายผ่านเอเยนต์ก็ยังมีความจำเป็น และมีอัตราผลตอบแทนดีกว่าการขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
ส่วนกระบวนการสรรหาดีดีคนใหม่ควรจะต้องจัดทำให้แล้วเสร็จก่อนเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อให้ดีดีคนใหม่ได้เข้าไปศึกษางานและจัดทำตารางการบินในช่วงฤดูหนาว รวมถึงวางแผนการตลาดเพราะเป็นช่วงที่มีผลต่อรายได้
ด้านนายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล อดีตผู้ว่าฯ รฟม. แสดงวิสัยทัศน์โดยระบุว่า แผนปฏิรูปของการบินไทยที่ดำเนินการอยู่ถือว่ามีประสิทธิภาพและดีดีจะต้องทำแผนมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย 4 แนวทางคือ เน้นธรรมาภิบาล และความโปร่งใส เพื่อไม่ให้เม็ดเงินรั่วไหลออกจากองค์กร, ทำให้บุคลากรกว่า 20,000 คนทำงานที่สอดคล้องกันกับแผน,เป็นผู้นำด้านดิจิตอลมาร์เกตติ้ง ซึ่งจะช่วยให้รายได้จากการขายตั๋วเติบโตมากขึ้น และดูแลเรื่องต้นทุนค่าใช้จ่าย
ซึ่งดีดีควรเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดเพื่อเพิ่มรายได้ให้องค์กร เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน หรือตำแหน่งรักษาการดีดีอาจทำงานได้ไม่คล่องตัว และเห็นว่าการสรรหาดีดีใช้ระยะเวลามากจนเกินไป