“พาณิชย์” โชว์ผลปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เผยตลาดโรงเกลือ มาบุญครอง หายไปกว่า 85% เตรียมลุยจัดการต่อให้หมด พร้อมเดินหน้าทำลายแทงร้านขายของปลอมให้เจ้าของอาคาร เจ้าของสถานที่รับรู้ ดึงให้ช่วยจัดการ แนะประชาชนเจอร้าน เจอเว็บ เจอเฟซบุ๊กขายของปลอมที่ไหนให้แจ้งเบาะแส หากคดีถึงที่สุดมีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่ง ระบุล่าสุดจ่ายไปแล้วเป็นแสน รอจ่ายอีกเป็นล้าน
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ขณะนี้การปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญายังคงมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยกรมฯ ได้ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร ทั้งตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เจ้าของสิทธิ์ ในการตรวจสอบและจับกุม ซึ่งล่าสุดสามารถกดดันให้พื้นที่จำหน่ายสินค้าละเมิด เช่น ตลาดโรงเกลือ จังหวัดสระแก้ว และห้างมาบุญครอง ร้านจำหน่ายสินค้าละเมิดหายไปแล้วกว่า 85% ซึ่งกำลังกดดันให้ไม่มีจำหน่ายอีกต่อไป
ส่วนพื้นที่สีแดง ที่เคยมีสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาวางจำหน่าย แต่ปัจจุบันไม่มีขายแล้ว เช่น ตลาดสะพานเหล็ก เพราะกรุงเทพมหานคร (กทม.) เข้าไปจัดระเบียบสถานที่ทำให้ไม่มีผู้ขายอีกต่อไป และที่ถนนวิทยุ ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานทูตสหรัฐอเมริกา ได้ถูกกดดันจนไม่มีขาย และที่ยังคงเหลือจำหน่ายอีกเพียงเล็กน้อย เช่น ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า โดยประเมินว่ามีเหลืออีกไม่น่าจะเกิน 5 แผง คาดว่าจะดำเนินการปราบปรามให้หมดไปได้ในเร็วๆ นี้
สำหรับการจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่ยังคงมีอยู่ในห้างสรรพสินค้า ตามอาคารต่างๆ และตามตลาดนัด กรมฯ ได้เข้าไปสำรวจว่ามีร้านจำหน่ายสินค้าละเมิดอยู่หรือไม่ และได้จัดทำแผนผังว่าในห้างนี้ อาคารนี้ ตลาดนี้ มีร้านขายสินค้าละเมิดอยู่ตรงจุดไหน และได้ทำการแจ้งเรื่องไปยังเจ้าของอาคาร เจ้าของสถานที่แล้ว เพื่อให้เขารู้ว่ามีร้านขายของละเมิดที่อยู่ในพื้นที่ตัวเองจุดไหนบ้าง และจะได้ดำเนินการจัดการต่อไป เช่น ไม่ต่อสัญญาเช่าพื้นที่กับผู้ที่จำหน่ายสินค้าละเมิด เป็นต้น
“ถ้ามีการเข้าไปจับกุม ร้านค้า หรือแผงค้าในพื้นที่ตัวเอง เจ้าของอาคารและเจ้าของสถานที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะกรมฯ ได้แจ้งไปแล้วว่ามีร้านขายของปลอมอยู่ตรงไหนบ้าง ดังนั้น เจ้าของจะต้องเข้ามาร่วมกับกรมฯ ในการตรวจสอบและป้องกันด้วย ซึ่งในส่วนของมาบุญครองได้มีการเรียกประชุมผู้ค้าไปแล้ว และได้แจ้งนโยบายไปแล้วว่าจะไม่ให้มีการจำหน่ายสินค้าปลอมในพื้นที่ศูนย์การค้าอีกต่อไป” นายทศพลกล่าว
นายทศพลกล่าวว่า กรมฯ ขอชักชวนให้ผู้ที่พบเห็นการจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าในห้าง ในตลาด ในเว็บไซต์ หรือในเฟซบุ๊ก ให้แจ้งเบาะแสเข้ามายังกรมฯ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะหากสามารถจับกุมและดำเนินคดีจนถึงที่สุดแล้ว ผู้ที่แจ้งเบาะแสจะได้รับเงินส่วนแบ่งค่าปรับจากคดีด้วย โดยจะได้ 1 ส่วนจาก 4 ส่วน หรือเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย คือ เงินค่าปรับ 100% จะกัน 20% ส่งเข้าคลัง อีก 80% จะนำมาแบ่งเป็น 4 ส่วน โดย 1 ส่วนให้ผู้ที่แจ้งเบาะแส และอีก 3 ส่วนให้เจ้าหน้าที่ที่จับกุม โดยดูหลักฐานจากบันทึกการจับกุม ซึ่งจนถึงขณะนี้มีการจ่ายเงินให้ผู้แจ้งเบาะแสไปแล้วกว่า 1 แสนบาท และเหลือรอการจ่ายอีกเป็นล้านบาท