แผงโซลาร์เซลล์ไทยเสี่ยง หลังผู้ผลิตสหรัฐฯ ร้องใช้เซฟการ์ด

“พาณิชย์” เผยสหรัฐฯ จ่อพิจารณาใช้มาตรการเซฟการ์ดกับสินค้าโซลาร์เซลล์ที่นำเข้าจากทั่วโลก หลังอุตสาหกรรมภายในร้องเรียนได้รับผลกระทบหนัก คาดไทยโดนด้วย เหตุส่งออกปี 59 เพิ่มขึ้นถึง 700% เพราะต่างชาติลงทุนผลิตในไทยเป็นจำนวนมาก

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ของสหรัฐฯ ได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ (ไอทีซี) โดยขอให้มีการเปิดไต่สวนเพื่อใช้มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) กับสินค้าโซลาร์เซลล์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากอุตสาหกรรมภายในของสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากการนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จากต่างประเทศเข้ามา ซึ่งทางไอทีซีกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลและพิจารณาว่าจะมีการเปิดไต่สวน เพื่อใช้มาตรการเซฟการ์ดกับแผงโซลาร์เซลล์ที่นำเข้าจากต่างประเทศหรือไม่

“เท่าที่ได้รับรายงาน ไอทีซีได้รับเรื่องร้องเรียนจากบริษัทภายในสหรัฐฯ ที่ล้มละลายจากการถูกสินค้าโซลาร์เซลล์จากต่างประเทศเข้ามาในตลาดสหรัฐฯ เป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่ได้เปิดไต่ส่วน ต้องรอการพิจารณาจากไอทีซีก่อน ซึ่งหากมีการไต่สวนและใช้มาตรการเซฟการ์ดจริงก็จะกระทบต่อการส่งออกของไทย เพราะมีการส่งออกไปสหรัฐฯ หลายเดือนก่อนเพิ่มขึ้นถึง 300% เนื่องจากมีบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนผลิตแผงโซลาร์เซลล์ในไทยและส่งออกกลับไปยังสหรัฐฯ” น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว

สำหรับสถิติการส่งออกสินค้าโซลาร์เซลล์ (พิกัด HS 854140 และ HS 854150) ของไทยไปตลาดสหรัฐฯ เมื่อปี 2559 ไทยมีการส่งออกมูลค่า 465 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 700% เมื่อเทียบกับการส่งออกในปี 2558

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การร้องเรียนให้ใช้มาตรการเซฟการ์ดกับสินค้าแผงโซลาร์เซลล์ เป็นไปตามมาตรา 201 กฎหมาย Trade Act of 1974 ที่ให้อำนาจประธานาธิบดีสหรัฐฯ สามารถใช้มาตรการปกป้องเป็นการชั่วคราว เพื่อบรรเทาความเสียหายร้ายแรงจากการนำเข้าสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่ง ที่เพิ่มมากขึ้นจนก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุสาหกรรมภายในสหรัฐฯ เช่น การขึ้นภาษี การจำกัดปริมาณนำเข้า การกำหนดโควตาภาษี เป็นต้น

ทั้งนี้ เห็นว่าหากมีการเปิดไต่สวนสินค้าโซลาร์เซลล์ที่นำเข้าจากต่างประเทศตามที่อุตสาหกรรมภายในสหรัฐฯ ได้ร้องเรียนเข้ามายังไอทีซี กระบวนการจะต้องดำเนินการไต่สวนให้เสร็จภายใน 150 วันนับตั้งแต่ที่เปิดไต่สวน และหากผลสรุปตัดสินออกมาว่าให้ใช้มาตรการเซฟการ์ดก็จะมีการใช้กับทุกประเทศที่ส่งออกสินค้าโซลาร์เซลล์ไปยังสหรัฐฯ โดยคาดว่าไทยจะได้รับผลกระทบเล็กน้อย เนื่องจากไม่ใช่ประเทศหลักที่มีการส่งออกสินค้าโซลาร์เซลล์ไปตลาดสหรัฐฯ มาก ก็คือ จีน

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ประกาศใช้มาตร 232 ตามกฎหมาย Trade Expansion Act of 1962 ที่ให้อำนาจกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดการไต่ส่วนสินค้าเหล็กที่นำเข้าจากทุกประเทศ เนื่องจากเห็นว่าเป็นการนำเข้าสินค้าที่อาจก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ และหากผลการไต่สวนสรุปออกมาว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สามารถพิจารณาลดหรือจำกัดการนำเข้าสินค้าดังกล่าวหรือใช้มาตรการที่เหมาะสมอื่นๆ ได้ โดยคาดว่ามาตรการที่สหรัฐฯ จะนำมาใช้ คือ มาตรการเซฟการ์ด โดยมีการขึ้นภาษี หรือกำหนดโควตาภาษี