ขสมก.เปิดรับฟังคำวิจารณ์ TOR ประมูลรถเมล์ NGV 489 คันรอบใหม่แล้ว ยึดเงื่อนไขเดิมไม่ปรับแก้ ด้าน “ต่อตระกูล” ในนามผู้สังเกตการณ์ตามข้อตกลงคุณธรรมไม่มีข้อท้วงติง คาดไม่มีข้อท้วงติงเตรียมประมูลให้จบในต้นเดือน ก.ค.นี้ รับมอบรถครบใน 31 ต.ค. พร้อมติงราคากลางรถเมล์ไฟฟ้า 200 คันหลังพบราคาแบตเตอรี่ลดลง “สมศักดิ์” เร่งสรุปเสนอบอร์ด 31 พ.ค.นี้ พร้อมแผนธุรกิจฟื้นฟู ขสมก. ระบุ 5 ปีซื้อรถใหม่ 3,450 คัน ปลดระวางรถเก่า 2,753 คัน พร้อมแผนเออร์ลีฯ กระเป๋า และปรับบางส่วนไปเป็นคนขับรถ เชื่อฟื้นธุรกิจ ล้างขาดทุนปีละกว่า 3,000 ล้าน ตั้งเป้าเห็นกำไรสุทธิในปี 65
นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้ประชุมร่วมกับคณะผู้สังเกตการณ์ ตามข้อตกลงคุณธรรม (Independence Observer) ระหว่าง ขสมก. กับองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) และกรมบัญชีกลาง ในโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ NGV พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษา จำนวน 489 คัน และจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้พลังงานไฟฟ้า จำนวน 200 คัน หรือรถเมล์ EV ซึ่งมีนายต่อตระกูล ยมนาค (หัวหน้าผู้สังเกตการณ์ฯ) นายสุภรธรรม มงคลสวัสดิ์, นายราเชนทร์ ชินทยารังสรรค์ และนายพูลพร แสงบางปลา เข้าร่วม
โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า ประเด็น TOR ของโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ NGV พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษา จำนวน 489 คัน ของ ขสมก.นั้น โดยรวมมีความครบถ้วนไม่มีข้อปรับแก้แล้ว โดยคณะผู้สังเกตการณ์ฯ ขอเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นในส่วนของกระบวนการและวิธีการจัดหาเพื่อให้เป็นไปอย่างรอบคอบและเป็นรูปธรรมต่อไป
ซึ่งขณะนี้ ขสมก.ได้นำร่าง TOR จัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน ประกาศลงในเว็บไซต์เพื่อเข้าสู่กระบวนการประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว โดยจะสิ้นสุดรับฟังคำวิจารณ์ในวันที่ 8 พ.ค. 2560 นี้ หากมีข้อท้วงติง ขสมก.จะทำการปรับปรุงและประกาศลงเว็บไซต์ครั้งที่ 2 อีกเป็นระยะเวลา 3 วัน ก่อนจะสรุปและเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก.ในวันที่ 31 พ.ค. 2560 และประมูลให้จบใน มิ.ย.-ต้นเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งตามแผนกำหนดรับมอบรถเมล์ NGV ครบ 489 คันภายในวันที่ 31 ต.ค. 2560 ซึ่งเป็นระยะเวลา 90 วันหลังลงนามสัญญาตามเดิมเพราะต้องการเร่งรัดให้ได้รถภายในปีนี้ และเชื่อว่าหากจะส่งมอบได้ทันน่าจะต้องเป็นการนำเข้า
ส่วนโครงการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวน 200 คันนั้น คณะผู้สังเกตการณ์ฯ ขอให้ ขสมก.พิจารณาราคากลางอีกครั้ง โดยขอให้แยกรายการ/อุปกรณ์ต่างๆ ให้มีความชัดเจน และให้มีการเปรียบเทียบข้อดี/ข้อเสียในส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ และการซ่อมบำรุง/วิธีการชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่ง ขสมก., สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง (ในฐานะที่ปรึกษาโครงการจัดหารถเมล์ไฟฟ้าฯ) และคณะผู้สังเกตการณ์ฯ จะมีการประชุมเพื่อหาข้อสรุปที่เป็นไปในแนวทางเดียวกันในวันที่ 12 พ.ค.นี้อีกครั้ง ซึ่งจะเปิดประมูลประมาณ มิ.ย.-ก.ค. กำหนดการรับมอบรถเมล์ไฟฟ้า 200 คัน ล็อตแรก 50 คัน ภายในเดือน ธ.ค. 2560
“ประเด็น TOR ซื้อรถเมล์ไฟฟ้าจำนวน 200 คันจะต้องได้ข้อยุติภายในเดือน พ.ค. คงต้องมีการปรับปรุงราคากลาง ซึ่งมีเรื่องราคาแบตเตอรี่ที่ปัจจุบันราคาลดลง และจะเสนอบอร์ดวันที่ 30 พ.ค.นี้ และเสนอกระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออนุมัติต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในเดือน มิ.ย.-ก.ค.” นายสมศักดิ์กล่าว
สำหรับแผนธุรกิจเพื่อฟื้นฟูกิจการ ขสมก.นั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า อยู่ระหว่างการปรับปรุงให้มีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะมีแผนการจัดซื้อรถใหม่ และปลดระวางรถเก่า, ติดตั้งระบบ GPS, ติดตั้งระบบ E-Ticket, พัฒนาอู่ 2 แห่งเชิงพาณิชย์ คือที่เขตเดินรถบางเขน และมีนบุรี ซึ่งหากทำได้ตามแผนเชื่อว่าจะกระทบต่อการเงินและมีกิจการดีขึ้น เนื่องจากเมื่อฟลีตรถเปลี่ยนใหม่ต้นทุนในการดำเนินงานจะลดลง ช่วยให้มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการดีขึ้น ใช้บุคลากรลดลง โดยปี 2565 จะเสนอโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด (เออร์ลีรีไทร์) พนักงานเก็บค่าโดยสาร และจะมีโครงการส่งเสริมให้พนักงานเก็บค่าโดยสารไปเรียนขับรถเพื่อปรับมาเป็นพนักงานขับรถซึ่งปัจจุบันขาดแคลนมาก นอกจากนี้จะมีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดลง ค่าซ่อมบำรุงลดลง
สำหรับแผนการปรับปรุง ฟลีตรถเมล์ในช่วง 5 ปี (ปี 2560-2564) จะมีการจัดซื้อรถใหม่จำนวน 3,450 คัน ปลดระวางรถเก่า 2,753 คัน แบ่งเป็น ปี 2560 จัดหารถใหม่ จำนวน 689 คัน (รถ NGV 489 คัน รถเมล์ไฟฟ้า 200 คัน) ปี 2561 จัดหารถใหม่จำนวน 700 คัน ปลดระวางรถเก่า 501 คัน ปี 2562 จัดหารถใหม่จำนวน 600 คัน ปลดระวางรถเก่า 624 คัน ปี 2563 จัดหารถใหม่จำนวน 700 คัน ปลดระวางรถเก่า 699 คัน ปี 2564 จัดหารถใหม่จำนวน 761 คัน ปลดระวางรถเก่า 852 คัน โดยปีที่ 2-5 จะเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับรถใหม่ที่จะจัดหาอีกครั้ง
ในส่วนการปลดรถเก่าจะมีแผนซ่อมบำรุง และเหมาซ่อม ทยอยในแต่ละปีให้เหมาะสมกับรถที่จะทยอยปลดระวางในแต่ละปี
ปัจจุบันกระแสเงินสดติดลบเฉลี่ย 30 กว่าล้านบาท/เดือน ปี 2559 ขาดทุนสุทธิ 3,000 กว่าล้านบาท มียอดขาดทุนสะสม 103,000 กว่าล้านบาท ซึ่งตั้งเป้าว่าในปี 2565 ขสมก.จะเริ่มมีกำไรสุทธิจากการบริหารงาน ส่วนหนี้สะสมนั้นจะต้องเสนอแผนบริหารจัดการให้เหมาะสมต่อไป
ส่วนโครงการเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ e-Ticket ระยะเวลา 5 ปี พร้อมติดตั้งอุปกรณ์บนรถโดยสารประจำทาง 2,600 คัน วงเงิน 1,786.59 ล้านบาท ซึ่งบริษัท บริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO เป็นผู้ชนะการประมูล ขณะนี้อยู่ระหว่างอัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญา และอยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องงบประมาณรายปีสำหรับโครงการที่ชัดเจน ซึ่งจะต้องสรุปในเดือน พ.ค.-มิ.ย.นี้เพื่อเริ่มติดตั้งในรถเมล์ฟรีให้ครบก่อน