“พาณิชย์” ยันปีนี้เป็นปีทองของชาวสวนผลไม้ แม้ผลผลิตจะมากกว่าปีก่อนที่ประสบภัยแล้งแต่ความต้องการสูงขึ้น ทั้งการบริโภคในประเทศและส่งออก เผยได้ทำแผนรองรับช่วงผลผลิตออกมาก โดยช่วยกระจายผลผลิตออกสู่ตลาด พร้อมเตือนชาวสวนอย่าตัดทุเรียนอ่อนขาย มีโทษตามกฎหมาย
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์ราคาผลไม้ภาคตะวันออก ซึ่งขณะนี้ผลผลิตกำลังทยอยออกสู่ท้องตลาด เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด อย่างต่อเนื่อง โดยมั่นใจว่าปีนี้ราคาผลไม้จะทรงตัวอยู่ในระดับสูง และเป็นปีทองของชาวสวนผลไม้ เนื่องจากปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดแม้จะมากกว่าปีที่แล้วที่ประสบปัญหาภัยแล้ง แต่โดยภาพรวมผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งการบริโภคในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศ เช่น จีน ที่มีความต้องการซื้อทุเรียนเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก กระทรวงฯ ได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือโดยการเร่งระบายผลผลิตออกสู่ตลาด ด้วยการเชื่อมโยงทั้งตลาดสดและห้างสรรพสินค้า เพื่อให้ช่วยในการกระจายจากแหล่งผลิตมาสู่ผู้บริโภค และยังมีแผนที่จะเปิดตลาดสินค้าดึงดูด หรือตลาดแม็กเน็ต ที่จะนำผลไม้ เช่น ทุเรียน มาจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดการท่องเที่ยว
“ได้ร่วมมือกับห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จัดงานเทศกาลจัดจำหน่ายผลไม้ไทย เทศกาล “บุฟเฟต์ผลไม้ไทย” ขึ้นในระหว่างวันที่ 4-7 พ.ค. 2560 ที่บิ๊กซี สาขาราชดำริ เพื่อกระตุ้นการบริโภคผลไม้ไทย และเป็นการช่วยเหลือชาวสวนผลไม้ให้มีที่จำหน่ายผลไม้ ซึ่งทางห้างยังได้รับที่จะช่วยกระจายผลไม้ไปยังสาขาในต่างจังหวัดด้วย”
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าวว่า ในช่วงที่ความต้องการบริโภคผลไม้เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะทุเรียนที่เพิ่งออกสู่ตลาด อาจทำให้ชาวสวนผลไม้เร่งเก็บเกี่ยวผลผลิต และมีปัญหาทุเรียนอ่อน ซึ่งถือว่ามีความผิด โดยขณะนี้หน่วยงานภาครัฐต่างๆ ได้ส่งสายสืบและสายตรวจเพื่อจับกุมผู้ที่กระทำผิด และอยากเตือนชาวสวนอย่าเร่งตัดผลอ่อนเพราะมีความผิดทางกฎหมาย รวมทั้งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของทุเรียนได้
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มีผลผลิตผลไม้ออกสู่ตลาดได้อย่างต่อเนื่องแม้ไม่ใช่ช่วงฤดูกาล กระทรวงฯ ได้หารือร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาการเพาะปลูกเพื่อให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดได้ต่อเนื่องทั้งปี รองรับความต้องการของผู้บริโภคแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขายทุเรียนอ่อนมีความผิดตามกฎหมาย 2 ฉบับ คือ กฎหมายอาญามาตรา 271 ผู้ใดขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใดๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณแห่งของนั้นอันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 47 ผู้ใดโดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเอง หรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ