โกลบอลกรีนเคมิคอลจ่อซื้อหุ้นบริษัทย่อย PTTGC ที่ดำเนินธุรกิจเคมีภัณฑ์ชีวภาพ 3 บริษัท “เนเชอร์เวิร์คส์-Emery- Myriant” คิดเป็นมูลค่าร่วมหมื่นล้านบาท ชี้จังหวะที่เหมาะสมในการซื้อหุ้นต้องอยู่ในช่วงราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น
นายจิรวัฒน์ นุริตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GGC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีนโยบายที่จะซื้อหุ้นบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ บมจ.พีทีทีโกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ถือหุ้นอยู่ประมาณ 3 บริษัท ในฐานะที่ GGC เป็นบริษัทแกนนำในธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Flagship) ของ PTTGC คาดว่าจะใช้เงินในการเข้าซื้อหุ้นบริษัทดังกล่าวประมาณหมื่นล้านบาท
ซึ่งปัจจุบันพีทีที โกลบอล เคมิคอล ถือหุ้นในบริษัท เนเชอร์เวิร์คส์ ที่สหรัฐฯ โดยถือหุ้น 50% บริษัท Myriant ถือหุ้นอยู่ 50% และบริษัท Emery Oleochemicals ถือหุ้นอยู่ 50% โดยจังหวะที่เหมาะสมในการเข้าซื้อหุ้นบริษัทดังกล่าวนั้น ราคาน้ำมันควรอยู่ระดับ 80เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
นายจิรวัฒน์กล่าวต่อไปว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทมีนโยบายลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ทำให้ปีนี้บริษัทมีผลกำไรสูงขึ้นกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 937 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปี 2561 โรงงานผลิตเมทิลเอสเตอร์แห่ง 2 ที่ชลบุรี กำลังผลิตไบโอดีเซล 2 แสนตัน/ปี จะผลิตเชิงพาณิชย์ทำให้รับรู้รายได้ในปีถัดไป ส่วนโครงการไบโอคอมเพล็กซ์ที่จังหวัดนครสวรรค์จะเริ่มผลิตได้ในปี 2563 โดยโครงการนี้บริษัทร่วมถือหุ้น บมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ซูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) ในสัดส่วนการลงทุน 50:50 มูลค่าลงทุนเฟสแรกรวม 8.5 พันล้านบาท ปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างรอการเสนอราคาก่อสร้างจากผู้รับเหมา และได้ยื่นขอรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ไปแล้ว
โครงการไบโอคอมเพล็กซ์จากอ้อย ในจังหวัดนครสวรรค์ เฟสแรกประกอบด้วย โรงงานหีบอ้อยขนาด 2 หมื่นตันอ้อย/วัน โรงงานผลิตเอทานอล ขนาด 6 แสนลิตร/วัน โรงไฟฟ้าชีวมวลที่ใช้ชานอ้อยเป็นวัตถุดิบ 85 เมกะวัตต์ โดยมีแผนจะขายไฟให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 30 เมกะวัตต์
ส่วนการพัฒนาเฟส 2 จะใช้เงินลงทุนราวหมื่นล้านบาทเพื่อพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพหรือไบโอพลาสติกต่อไปในอนาคตด้วย โดยเจรจากับบริษัท เนเชอร์เวิร์คส์ให้มาตั้งโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพชนิด PLA แห่งที่ 2 ขนาด 5-7 หมื่นตัน/ปีในไทย ส่วนการพัฒนาโครงการได้รวดเร็วแค่ไหนขึ้นอยู่กับความต้องการใช้ไบโอพลาสติก โดยประเมินว่าราคาน้ำมันดิบควรมากกว่า 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จะช่วยกระตุ้นความต้องการใช้ไบโอพลาสติกให้สูงขึ้น
วันนี้ (2 พ.ค. 60) หุ้น GGC เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันแรกที่ราคาเหนือราคาที่เสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) โดยเปิดตลาดที่ 11.50 บาท/หุ้น บ่งบอกว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นในแผนการดำเนินงานของบริษัทที่จะมีโครงการต่างๆ ที่สร้างโอกาสในการเติบโตให้กับบริษัทในอนาคตอย่างยั่งยืนได้ ซึ่งจะเห็นการเติบโตที่ชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ปี 2562 เนื่องจากรับรู้รายได้จากโครงการใหม่