“สุธรรม” ผอ.อคส.ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง อ้างมีปัญหาเรื่องสุขภาพ บอร์ดไฟเขียวให้มีผล 22 พ.ค.นี้ พร้อมประกาศรับสมัครใหม่ แถมเร่งพิจารณาแนวทางสร้างรายได้จากคลังสินค้า 1 ธนบุรี และคลังราษฎร์บูรณะ วงในเผยเหตุลาออกเพราะไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาล หลังจากนี้ไปจะมีคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับทุจริตข้าวเกิดขึ้นอีกมาก และต้องแก้แต่ปัญหาสะสมเก่า จนไม่มีเวลาเดินหน้าหารายได้เข้าองค์กร
พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ด อคส.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด อคส.สัปดาห์ที่ผ่านมาได้พิจารณาหนังสือลาออกจากตำแหน่งของ ร.ต.อ.สุธรรม เชื้อประกอบกิจ ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า โดยบอร์ดได้พิจารณาอนุมัติการลาออก และไม่ได้คัดค้าน เพราะตามมารยาทไม่ควรคัดค้าน โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.นี้เป็นต้นไป ส่วนสาเหตุของการลาออกตามที่ ร.ต.อ.สุธรรมแจ้งไว้ คือปัญหาด้านสุขภาพ ซึ่งหลังจากนี้ บอร์ด อคส.จะประกาศเปิดรับสมัครผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่ แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา เพื่อเปิดรับสมัครและคัดเลือกผู้อำนวยการ อคส.โดยเร็วที่สุด คาดว่ากระบวนการสรรหาน่าจะเสร็จสิ้นภายใน 2-3 เดือนนี้
ทั้งนี้ ที่ประชุมบอร์ด อคส.ยังได้มีการพิจาณาถึงแผนการสร้างรายได้องค์กร โดยได้อนุมัติการว่าจ้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ งบประมาณ 5 ล้านบาท เพื่อทำการศึกษาถึงแผนการปรับปรุงคลังสินค้า 1 ธนบุรี เนื้อที่ประมาณ 7,884 ตารางเมตร มูลค่าที่ดิน 1,206 ล้านบาท (153,000 บาท/ตารางวา) ซึ่งเป็นพื้นที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา มานำเสนอต่อบอร์ดในวันที่ 15 พ.ค.นี้ว่าจะมีการปรับปรุงคลังในส่วนใดบ้าง เบื้องต้นตามวัตถุประสงค์หลักของการปรับปรุงครั้งนี้ต้องการพัฒนาคลังสินค้า 1 ธนบุรี เป็นตลาดกลางสินค้า และเป็นศูนย์การค้า (ชอปปิ้งมอลล์) โดยจะเป็นการร่วมลงทุนกับภาคเอกชนตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 หรือพีพีพี ในการสร้างรายได้ให้กับ อคส.
ส่วนคลังราษฎร์บูรณะ เนื้อที่ 12,500 ตารางเมตร ความจุสินค้า 37,500 ตัน พื้นที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา บอร์ด อคส.อนุมัติให้นำคลังมาพัฒนาปรับปรุงเป็นคลังสินค้าอัจฉริยะ เพื่อเก็บสินค้าที่มีนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่ม จากเดิมที่เก็บสินค้าประเภทยาเท่านั้น ซึ่งจะมีการว่าจ้างหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาศึกษาการปรับปรุงคลังราษฎร์บูรณะตามแนวทางเดียวกับการปรับปรุงคลังสินค้าธนบุรีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า สาเหตุที่ ร.ต.อ.สุธรรมลาออก น่าจะมาจาก ร.ต.อ.สุธรรมไม่ต้องการขึ้นศาลเหมือนผู้อำนวยการ และเจ้าหน้าที่ อคส.คนอื่นๆ เพราะหลังจากนี้ อคส.จะต้องฟ้องร้องดำเนินคดีต่อผู้ที่ทำสัญญากับ อคส. เช่น บริษัทตรวจสอบคุณภาพ (เซอร์เวเยอร์) โรงสี เจ้าของคลังที่รับเช่าฝากเก็บสินค้าเกษตรในสต๊อกรัฐบาลเพราะทำผิดสัญญา และมีสินค้าเกษตรที่รัฐฝากเก็บไว้หายไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ตัวของผู้อำนวยการ อคส.ต้องขึ้นศาลอย่างต่อเนื่องหลายปีแม้จะหมดวาระจากตำแหน่งไปแล้ว เพราะหากคดียังไม่สิ้นสุดก็ต้องไปขึ้นศาลจนกว่าคดีจะจบ ซึ่งอาจสร้างความยุ่งยากวุ่นวายในภายหลัง
นอกจากนี้ ยังไม่สามารถทนแรงกดดันในการทำงานที่มีมากได้ เพราะ อคส.เป็นองค์กรที่มีปัญหามากมาย โดยเฉพาะความโปร่งใสในการทำงาน จนถูกฟ้องร้องดำเนินคดีมากมาย และล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพิ่งชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ อคส. กว่า 100 คน เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลก่อน โดยตัวผู้อำนวยการต้องแก้ปัญหาเก่าที่สะสมมานานเหล่านี้จนทำให้ไม่สามารถเดินหน้างานใหม่ๆ ได้ โดยเฉพาะการหารายได้ให้กับองค์กร และยังมีแรงกดดันในเรื่องการคุมเข้มการขนย้ายข้าวเสื่อมไม่ให้กลับเข้าสู่ตลาดปกติ