อคส.ถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำแผนดูแลการขนย้ายข้าวเสื่อมออกจากสต๊อก ป้องกันไม่ให้เล็ดลอดกลับเข้าสู่ตลาดบริโภค ระบุจะคุมตั้งแต่ขนย้ายจากโกดังต้นทางถึงปลายทาง มีการสุ่มตรวจตลอดเส้นทาง ย้ำหากนำข้าวไปใช้นอกจากเข้าอุตสาหกรรมตามที่ระบุไว้ เจอปรับ 25% ของข้าวที่นำไปใช้ และยังต้องเจอดำเนินคดีแพ่งและอาญา
พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า อคส.ได้เชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กรมการค้าต่างประเทศ ผู้แทนจาก คสช. ผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนจากกองบังคับการตำรวจทางหลวง และผู้แทนจากรมทางหลวง เข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงขั้นตอนการขนย้ายข้าวข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลเข้าสู่อุตสาหกรรม เพื่อร่วมกันวางมาตรการควบคุมการขนย้ายข้าวออกจากคลังสินค้าต้นทางไปยังคลังสินค้าปลายทาง ป้องกันการรั่วไหลกลับเข้ามาสู่ตลาดข้าวเพื่อการบริโภค หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้อนุมัติให้จำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนให้แก่ผู้ซื้อ 12 ราย ใน 90 คลัง จาก 27 จังหวัด ปริมาณ 1.17 ล้านตัน มูลค่า 5,796 ล้านบาท
โดยแนวทางการตรวจสอบจะมีการจัดเจ้าหน้าที่สายตรวจ สุ่มตรวจตลอดเส้นทางการขนย้ายข้าว คลังสินค้าต้นทาง และคลังสินค้าปลายทาง โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ขณะที่ในการขนย้ายข้าวในครั้งนี้ ไม่ต้องขออนุญาตการขนย้ายจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ในครั้งที่ผ่านมาจะต้องขออนุญาตทำให้การขนย้ายทำได้รวดเร็วขึ้น โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของ อคส. และหัวหน้าคลังประจำอยู่ตามโกดังต่างๆ รับทราบขั้นตอนการปฏิบัติ และตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
สำหรับการการขนย้ายข้าว จากเดิมกำหนดให้ขนข้าวได้ในช่วงตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก แต่ครั้งนี้ กำหนดให้รถบรรทุกคันสุดท้ายออกจากโกดังได้ไม่เกินเวลา 18.00 น. และจะต้องทำการซีลรถบรรทุกที่ขนข้าวทุกคันตลอดการขนย้าย โดยระยะเวลาต้องสอดคล้องกันกับการระยะเวลาการเดินทาง หากตรวจพบว่าใช้เวลามาก ไม่สัมพันธ์หรือผิดปกติ เจ้าหน้าที่ตำรวจในจุดตรวจสามารถเรียกให้หยุดเพื่อตรวจสอบได้
นอกจากนี้ คลังสินค้าที่ปลายทางจะต้องติดตั้งกล้อง CCTV และต้องรายงานข้อมูลสินค้าผ่านเว็บไซต์ www.pwo.co.th เพื่อรายงานให้เจ้าหน้าที่ อคส.รับทราบ และเมื่อขนย้ายข้าวถึงสถานที่ปลายทางแล้ว อคส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสุ่มตรวจปริมาณข้าวอีกครั้งว่าตรงตามปริมาณการขนย้ายหรือไม่ โดยหากตรวจพบว่าผู้ซื้อไม่นำเข้าสารเข้าสู่กระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมตามที่ได้แจ้งไว้ในวัตถุประสงค์ที่ขอซื้อจะต้องชำระค่าปรับร้อยละ 25 ของมูลค่าข้าวสารที่ไม่ได้นำเข้าสู่กระบวนการอุตสาหกรรม และหาก อคส.เลิกสัญญา ผู้ซื้อจะต้องเสียค่าปรับร้อยละ 25 ของมูลค่าปริมาณข้าวสารที่ยังไม่ได้รับมอบและขนย้าย รวมทั้งจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งแพ่งและอาญาด้วย