กรมทางหลวงชนบทเร่งปรับราคากลางเปิดประมูลโครงการสะพานข้ามทางรถไฟ 4 แห่ง วงเงินรวม 1,265 ล้านบาท หลังเปิดรอบแรกไร้ผู้ยื่นซอง คาดเซ็นสัญญากลาง มิ.ย. ปิดท้ายงบปี 60 “พิศักดิ์” เผยงบปี 60 จำนวน 4.6 หมื่นล้านเบิกจ่ายแล้ว 49.17% เสนอปี 61 ของบ 6.4 หมื่นล้าน ตั้งเป้าลุยประมูล ส.ค.เร่งเบิกจ่ายตามนโยบาย
นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯ ได้ดำเนินการประกวดราคา พร้อมกับได้ลงนามสัญญากับผู้รับจ้างสำหรับโครงการในปีงบประมาณ 2560 ที่มีประมาณ 4,000 รายการไปได้แล้ว 99% และเริ่มทยอยเบิกจ่ายงบประมาณ 15% แล้ว คงเหลือโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ จุดตัดทางรถไฟกับถนน 4 แห่งที่อยู่ระหว่างเปิดประมูลใหม่ เนื่องจากการเปิดประมูลครั้งแรกไม่มีผู้ยื่นซองข้อเสนอ ได้แก่ สะพานข้ามทางรถไฟที่จังหวัดศรีสะเกษ วงเงินรวม 143 ล้านบาท (ได้รับงบปี 60 จำนวน 28.6 ล้านบาท), สะพานข้ามทางรถไฟที่จังหวัดนครปฐม วงเงินรวม 660 ล้านบาท (ได้รับงบปี 60 จำนวน 132 ล้านบาท), สะพานข้ามทางรถไฟที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วงเงินรวม 132 ล้านบาท (ได้รับงบปี 60 จำนวน 26.4 ล้านบาท), สะพานข้ามทางรถไฟที่จังหวัดอุตรดิตถ์ วงเงินรวม 330 ล้านบาท (ได้รับงบปี 60 จำนวน 66 ล้านบาท) โดยอยู่ระหว่างปรับปรุงราคากลางให้เป็นปัจจุบัน คาดว่าจะเปิดประมูลและลงนามสัญญาจ้างได้ภายในกลางเดือน มิ.ย.นี้
สำหรับปี 2560 กรมฯ ได้รับจัดสรรงบประมาณจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันเบิกจ่ายงบประมาณไปได้แล้ว 49.17% ส่วนปี 2561 ได้เสนอกรอบงบประมาณที่ 6.4 หมื่นล้านบาท ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงบประมาณ โดยกรมฯ ได้วางแผนในการประมูลโครงการในปีงบประมาณ 2561 ตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค. 2560 นี้ เพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ แต่เนื่องจาก พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 จะมีผลบังคับ 180 วันนับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 23 สิงหาคม 2560 ทำให้ขยับแผนงานเล็กน้อย ซึ่งได้ให้เตรียมพร้อมการออกแบบ การจัดทำราคากลาง และรายละเอียดเกี่ยวกับการประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ไว้ เมื่อ พ.ร.บ.จัดซื้อฯ มีผลบังคับใช้จะเริ่มดำเนินการได้ทันที
อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ ดังกล่าวมีกรอบให้หน่วยงานราชการต้องปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานกลาง เช่น การทำราคากลาง จะต้องทำในระบบของกรมบัญชีกลาง ซึ่งหน่วยงานรัฐมีโครงการประมูลเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจะต้องเตรียมความพร้อมล่วงหน้าในการเข้าระบบ ซึ่งมั่นใจว่าจะเกิดความโปร่งใสและเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม