กรมการขนส่งเผยประกาศควบคุมรถตู้ 13 ที่นั่งรอประกาศราชกิจจานุเบกษาเพื่อบังคับใช้ก่อนเทศกาลสงกรานต์นี้ หากตรวจพบปรับทั้งคนขับและผู้ประกอบการ ขณะที่ยอดติด GPS รถตู้ที่ 92% พบรถไม่ติด ลักลอบวิ่งคนขับเจอปรับไม่เกิน 5,000 บาท ผู้ประกอบการปรับไม่เกิน 50,000 บาท
นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ารถตู้โดยสารสาธารณะต้องมี 13 ที่นั่งว่า ที่ผ่านมากรมการขนส่งทางบกได้ประกาศกรมการขนส่งทางบก ลงวันที่ 31 มี.ค. 2560 เรื่อง การจัดวางที่นั่งรถตู้โดยสารสาธารณะตามมาตรการเพิ่มความปลอดภัยในรถโดยสารสาธารณะ ให้จำนวนที่นั่งของรถตู้โดยสารจะต้องมี 13 ที่นั่ง ซึ่งอยู่ระหว่างรอประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเพื่อมีผลบังคับใช้ คาดว่าจะสามารถบังคับใช้ได้ก่อนเทศกาลสงกรานต์นี้ ซึ่งจะทำให้รถตู้ในปัจจุบันที่มีที่นั่งผู้โดยสาร 14-15 ที่นั่ง ต้องปรับเป็น 13 ที่นั่ง หากตรวจพบรถตู้ที่ยังฝ่าฝืนถือว่ามีความผิด และมีโทษปรับทั้งพนักงานขับ และผู้ประกอบการตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก และกรมการขนส่งทางบกจะมีการออกใบเวลาเพื่อให้บริการ
สำหรับรายละเอียดของประกาศกรมการขนส่งทางบกนั้น กำหนดให้รถตู้โดยสารที่จดทะเบียนใหม่จัดวางที่นั่งผู้โดยสารไม่เกิน 13 ที่นั่ง โดยที่นั่งแถวหลังสุดต้องมีช่องทางเดิน ขนาดความกว้างไม่น้อยกว่า 20 ซม. เพื่อให้ผู้โดยสารใช้เป็นทางออกฉุกเฉินด้านท้ายและเปิดออกจากตัวรถได้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นหรืออุบัติเหตุ
ส่วนรถตู้ที่จดทะเบียนก่อนวันประกาศมีผลบังคับใช้ที่มีที่นั่งผู้โดยสารเกิน 13 ที่นั่ง ให้จัดวางที่นั่งผู้โดยสารได้ไม่เกิน 13 ที่นั่ง ตามเงื่อนไข คือ กรณีที่นั่งแถวหลังสุดเป็นที่นั่งคู่ ให้ถอดที่นั่งคู่ด้านซ้ายออก โดยนำที่นั่งเดี่ยวมาติดด้านซ้ายสุดอีก 1 ที่นั่งหรือไม่ก็ได้ แต่ต้องมีช่องทางเดินขนาดความกว้างไม่น้อยกว่า 20 ซม.เพื่อให้ผู้โดยสารใช้เป็นทางออกฉุกเฉินด้านท้าย และเปิดออกจากตัวรถได้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นหรืออุบัติเหตุ
และกรณีที่นั่งแถวหลังสุดเป็นที่นั่งไม่เกิน 3 ที่นั่ง หรือมากกว่า 3 ที่นั่ง ให้ปรับปรุงการจัดวางที่นั่งแถวหลังสุดให้มีช่องทางเดิน ขนาดความกว้างไม่น้อยกว่า 20 ซม. เพื่อให้ผู้โดยสารใช้เป็นทางออกฉุกเฉินด้านท้ายและเปิดออกจากตัวรถได้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นหรืออุบัติเหตุ
ในกรณีที่เป็นรถมีที่นั่งไม่เกิน 13 ที่นั่งอยู่แล้ว แต่ไม่มีช่องทางเดินเพื่อให้ผู้โดยสารใช้เป็นทางออกฉุกเฉินด้านท้าย และเปิดออกจากตัวรถได้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นหรืออุบัติเหตุ ให้ปรับปรุงการจัดวางที่นั่งแถวหลังสุดให้มีช่องทางเดินตามกรณีแรก
พร้อมกันนี้ ให้มีข้อความด้านท้ายรถ “ทางออกฉุกเฉิน” เป็นตัวอักษรภาษาไทยสีแดงสะท้อนแสง สูงไม่น้อยกว่า 5 ซม. ติดอยู่เหนือบริเวณที่เปิดปิดประตูหรือบริเวณขอบประตูด้านบนทางออกฉุกเฉินให้มองเห็นได้ชัดเจน
นายสนิทกล่าวถึงความคืบหน้าการติดตั้งระบบ GPS ในรถตู้โดยสารสาธารณะว่า จะต้องติดตั้งให้ครบทั้งหมดภายในวันที่ 31 มี.ค. ซึ่งเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา จากการตรวจระบบ GPS เพื่อทำการโยงเชื่อมจากตัวรถที่บริการมายังกรมการขนส่งทางบก พบว่า 4,863 คันที่ทำการติดตั้ง โดยเปรียบเทียบกับจำนวนที่วิ่งจริงทุกเส้นทางประมาณ 5,300 คัน สรุปแล้วรถตู้โดยสารได้ทำการติดตั้งแล้ว 92% จากจำนวนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม รถตู้โดยสารที่ไม่ติดตั้ง GPS ถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย และกรมการขนส่งทางบกก็จะไม่ออกใบเวลาเพื่อให้บริการ และจะมีโทษปรับในขั้นสูงสุด สำหรับพนักงานขับรถปรับไม่เกิน 5,000 บาท และผู้ประกอบการปรับไม่เกิน 50,000 บาท ทั้งนี้ หากเหตุรุนแรงระหว่างการให้บริการกรมการขนส่งทางบกจะทำการพักใช้รถ และเพิกถอนทะเบียน รวมถึงเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมาตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่จากกรมการขนส่งทางบกลงพื้นที่ตรวจสอบอุปกรณ์ประจำรถตู้โดยสาร เช่น ระบบไฟฟ้า ตัวถังรถ ถังดับเพลิงภายในรถ ค้อนทุบกระจก เข็มขัดนิรภัย และตรวจสอบการติดตั้งระบบ GPS รถตู้โดยสาร 53 วิน จำนวนรถทั้งสิ้น 1,188 คัน ภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารสายใต้-ปิ่นเกล้า หรือ สายใต้เก่า เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการให้บริการผู้โดยสารในช่วงเทศกาลสงกรานต์