“กรมการค้าต่างประเทศ” เดินหน้าเปิดตลาดการค้าชายแดนให้ผู้ประกอบการไทย จัดสัมมนา “เปิดประตูสู่รัฐฉาน” มีเอกชนสนใจทะลักกว่า 1 พันราย เผยสินค้าไทยมีโอกาสสูง เหตุคนนิยมและเชื่อมั่น และยังมีโอกาสในการเข้าไปลงทุน ด้าน 2 รัฐมนตรีเศรษฐกิจเผยรัฐฉานเปิดกว้างสำหรับนักลงทุนไทย กวักมือชวนเข้าลงทุนภาคเกษตรและบริการ
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยในการจัดงาน “เปิดประตูสู่ รัฐฉาน...สานโอกาสการค้า-การลงทุน” ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ ว่าการจัดงานเป็นไปตามยุทธศาสตร์การทำงานของกรมฯ ที่มุ่งเน้นการสร้างโอกาสและขยายตลาดการค้าชายแดนให้กับผู้ประกอบการของไทย โดยครั้งนี้ได้มุ่งเน้นการขยายตลาดการค้าและการลงทุนของไทยเข้าสู่รัฐฉานของเมียนมา เพราะกรมฯ เล็งเห็นว่าเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง จึงได้เชิญรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของเมียนมา 2 คน มาแนะนำและชี้โอกาสให้แก่ผู้ประกอบการของไทย โดยมีผู้ประกอบการจากสาขาต่างๆ กว่า 1 พันรายให้ความสนใจเข้าร่วม
ทั้งนี้ กรมฯ มองว่ารัฐฉานเป็นตลาดการค้าชายแดนที่มีโอกาสใหม่ของไทย โดยปัจจุบันเป็นเมืองที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง มีประชากรกว่า 6 ล้านคน มีเมืองเศรษฐกิจสำคัญ 3 เมือง คือ ตองยี เชียงตุง และท่าขี้เหล็ก โดยมีเมืองท่าขี้เหล็กเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและเมืองท่าชายแดนที่เป็นแหล่งนำเข้าสินค้าไทย อยู่ติดกับอำเภอแม่สาย ประชากรนิยมสินค้าไทย และเชื่อมั่นสินค้าไทย เพราะได้รับอิทธิพลจากสื่อโทรทัศน์และสื่อโฆษณาต่างๆ จึงมีโอกาสที่จะขยายการค้าได้เพิ่มขึ้น และไทยยังมีโอกาสในการเข้าไปลงทุนทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการที่กำลังมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการจัดงานครั้งนี้ นายอู โซย หยุ่น หลิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและเศรษฐกิจ ซึ่งกำกับดูแลด้านการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ และนายอู ไซ ซาน ทิป หลง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มาบรรยายพิเศษเกี่ยวกับโอกาสและลู่ทางในการทำการค้ากับรัฐฉาน พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับกฎ ระเบียบ และนโยบายในการสนับสนุนนักลงทุนไทย
โดยรัฐมนตรีทั้ง 2 คนแห่งรัฐฉานได้ยืนยันว่า รัฐฉานมีความปลอดภัย ได้ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น ถนน สะพาน ระบบไฟฟ้าและน้ำประปา เพื่อรองรับนักลงทุนจากต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในรัฐฉาน และได้พัฒนาเมืองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ในปัจจุบันรัฐฉานยังมีการลงทุนไม่มาก แต่มีความพร้อมด้านทรัพยากรมหาศาล ทั้งเหมืองแร่ แหล่งท่องเที่ยว และพื้นที่ทำการเกษตร จึงอยากเชิญชวนให้นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร การสำรวจเหมืองแร่ และธุรกิจบริการท่องเที่ยว โดยไทยเองมีความเชี่ยวชาญ ก็จะทำให้ได้ประโยชน์ร่วมกันเป็นอย่างมาก