รักษาการ ผอ.ขสมก.แจง ศาลปกครองไม่ได้มีคำสั่งให้ ขสมก.รับรถเมล์ NGV แต่ศาลให้ ขสมก.ดำเนินการตามกระบวนการตรวจรับให้จบ ไม่ต้องรอกรมศุลฯ ปลดล็อกเตะถ่วง ยัน 11 เม.ย.ชัดเจน ขณะที่สงวนสิทธิ์มอบอัยการยื่นอุทธรณ์ศาลปกครองเพื่อชี้แจงรายละเอียดประเด็นที่ไปชี้แจงแต่ยังไม่ชัดเจน กำชับ กก.ตรวจรับพิจารณาได้เต็มที่ แนะขอเอกสารการผลิต นำเข้า เดินเรือ B/L จากเบสท์รินฯ ขณะที่วงในแฉอีก ขสมก.ไม่กล้ายกเลิกสัญญา หวั่นถูกฟ้อง ทั้งที่ TOR ระบุชัดให้ยื่นรายละเอียดการผลิตใช้ตรวจสอบแต่กลับอ้างกรมศุลฯ ไม่ให้เอกสาร ทำให้ยืดเยื้อ
นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า วันที่ 3 เม.ย.ได้เรียกประชุมคณะอนุกรรมการฝ่ายกฎหมาย ขสมก.ด่วน หลังจากที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ ขสมก.ดำเนินการตรวจรับรถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ (NGV) ที่ออกจากอารักขาของศุลกากรแล้วไว้ชั่วคราว ก่อนศาลมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น และภายหลังการดำเนินการตรวจรับรถตามข้อสัญญาอื่นๆ แล้วให้ ขสมก.ปฏิบัติตามสัญญาต่อไปนั้น คำสั่งดังกล่าวไม่ได้หมายถึงให้ ขสมก.รับรถ NGV ของเบสท์รินฯ แต่อย่างใด โดยศาลปกครองสั่งให้ ขสมก.พิจารณาดำเนินการ “ตรวจรับ” ตามกระบวนการให้จบตามสัญญา
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการดำเนินการตามสิทธิ์ ขสมก.จะยื่นอุทธรณ์แน่นอน โดยมอบหมายให้อัยการสูงสุดดำเนินการภายใน 30 วัน ซึ่งการอุทธรณ์จะเป็นการชี้แจงรายละเอียดในคำสั่งศาลหน้า 8 ใน 2 ประเด็นที่ ขสมก.ได้ชี้แจงไว้ไม่ชัดเจนด้วย คือ 1. ไม่ได้ชี้ชัดว่าแหล่งกำเนิดรถเมล์ NGV เป็นสาระสำคัญเพื่อบอกเลิกสัญญาเบสท์รินฯ 2. ไม่ได้ชี้ชัดว่าคุณสมบัติของตัวรถเมล์ NGV เป็นสาระสำคัญในการบอกเลิกสัญญา ประเด็นคือ ขสมก.ไม่ได้ชี้ให้เห็นว่ารถผลิตในประเทศจีน และประกอบที่มาเลเซีย เป็นสาระสำคัญ
“หลายคนเข้าใจคำสั่งศาลผิด คิดว่าศาลสั่งให้ ขสมก.รับรถ ซึ่งไม่ใช่ คำสั่งศาลระบุว่า ให้ตรวจรับตามกระบวนการ ดังนั้นหาก ขสมก.พิจารณาตามกระบวนการของสัญญาแล้วไม่ถูกต้องก็ไม่รับ หากถูกต้องก็รับ ซึ่งเรื่องนี้จะได้ข้อยุติในวันที่ 11 เม.ย. ซึ่งครบ 15 วันตามที่ผมได้บอกไว้ พร้อมกันนี้ ได้บอกกับคณะกรรมการตรวจรับฯ แล้วว่าให้พิจารณาตามกระบวนการและสัญญาอย่างเต็มที่ ผมไม่มีการบังคับใดๆ ขอให้เขียนให้ชัดเจน ที่ผ่านมาเหมือนเกรงๆ กันจึงยังทำกันไม่เต็มที่ และเมื่อมีข้อสรุปเสนอมา ในฐานะรักษาการ ผอ.ขสมก.จะพิจารณาตามอำนาจแน่นอน โดยระหว่างนี้ขอตรวจสอบเรื่องอำนาจในการยกเลิกสัญญาด้วยว่าเป็นของใครกันแน่ ถ้าเป็นของ ผอ.ขสมก.ผมจะดำเนินการ และรายงานต่อคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก.รับทราบ แต่ถ้าเป็นอำนาจของบอร์ด ขสมก.ก็ต้องเสนอเพื่อขอมติบอร์ด ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ ขสมก.ระบุว่าอำนาจยกเลิกสัญญาเป็นของ ผอ.ขสมก. แต่ต้องไม่ลืมว่าที่มาของโครงการมาจากบอร์ดอนุมัติทั้งสิ้น”
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เคยให้ ขสมก.ขอเอกสารเพิ่มเติมจากเบสท์รินฯ เพื่อประกอบการพิจารณาตรวจรับรถ เช่น เอกสารการผลิต เอกสารการนำเข้า เอกสารการเดินเรือ เอกสาร Bill of Lading (B/L) ใบตราส่งสินค้าทางเรือจากจีนมายังมาเลเซีย และจากมาเลเซียมาไทย ซึ่ง B/L จะบอกอะไรได้หลายอย่าง แต่ทางเอกชนอาจจะไม่ให้ ซึ่งได้ให้คณะกรรมการตรวจรับรถขอไปอีก อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากรมศุลกากรได้แถลงข่าวหลายครั้งซึ่งค่อนข้างมีความชัดเจนอยู่แล้ว
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า คณะกรรมการตรวจรับและทดสอบรถเมล์ NGV 489 คัน ที่มีนายสมควร นาสนม เป็นประธานได้ประชุมวันที่ 3 เม.ย.เช่นกัน เพื่อหารือถึงคำสั่งศาลปกครองดังกล่าวโดยไม่สามารถหาข้อยุติใดๆ ได้ โดยได้เตรียมทำเอกสาร ขั้นตอนการตรวจรับไว้ และนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 10 เม.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้คณะกรรมการตรวจรับฯ ได้มีความเห็นไม่ตรวจรับรถเมล์ 489 คันเจ้าปัญหานี้ไปแล้ว แต่นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล อดีต ผอ.ขสมก. ไม่ยอมพูดถึง อ้างว่าจะรอกรมศุลฯ ยืนยันอย่างเดียว คำสั่งศาลปกครองระบุว่า ให้ ขสมก.ดำเนินการตามกระบวนการ ไม่ต้องรอการยืนยันจากกรมศุลฯ เท่ากับปลดล็อกการยื้อเลิกสัญญาไปได้ และก่อนหน้านี้ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เลขาธิการคณะกรรมการ ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ (ภตช.) ได้ยื่นหนังสือต่อนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หาก ขสมก.ตรวจรับมอบรถเมล์ NGV จะยื่น ป.ป.ช.สอบทันที
สำหรับการจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คันนั้น เดิมเป็นสัญญา 4 ของโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV 3,183 คันเดิม ที่แบ่งการประมูลออกเป็น 8 สัญญา โดยใช้ TOR ระบุให้ผู้ประมูล ยื่นข้อเสนอ แหล่งผลิต โรงงานประกอบ ใบรับรอง ISO ของโรงงาน แผนการผลิต การประกอบทั้งหมดโดยละเอียด โดยกำหนดให้ประกอบภายในประเทศ ซึ่งจะตัดปัญหาเรื่องแชสซีส์ไปได้ เนื่องจากแชสซีส์ที่นำมาประกอบในประเทศต้องผ่านการนำเข้าและการตรวจสอบจากกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ทั้งสิ้น ดังนั้น เป้าหมายของ TOR คือต้องการดูโรงงานประกอบ ความมั่นใจในมาตรฐานและขีดความสามารถในการผลิต
แต่เมื่อดึงสัญญา 4 จำนวน 489 คันมาประมูล ขสมก.ได้ลอก TOR มาจากของเดิม ปรับแค่เรื่องเปิดกว้าง สามารถประกอบภายในประเทศได้ หรือนำเข้ามาจากต่างประเทศได้ หรือไม่ได้กำหนดว่าจะประกอบที่ไหนก็ได้ ซึ่ง TOR กำหนดให้ผู้ประมูลยื่นรายละเอียดแผนการผลิตที่ชัดเจนเหมือนเดิมก็เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งเมื่อ เบสท์รินฯ ยื่นแผนการผลิตว่าจะผลิตจากจีน ประกอบมาเลเซียโดยอาจจะมาติดแค่แอร์ที่มาเลเซียก็ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่มีเอกสารยืนยันหรือไม่ว่าประกอบอะไรที่มาเลเซีย ที่ผ่านมา ขสมก.ได้เคยขอเอกสารจากเบสท์รินฯ หรือไม่ เพราะได้ยินแต่จะขอให้กรมศุลฯ ยืนยันอย่างเดียว ทั้งที่ TOR เขียนไว้เพื่อให้ ขสมก.ตรวจสอบการผลิตด้วยว่าเป็นไปตามที่เบสท์รินฯ ได้ยื่นแผนไว้หรือไม่