กรมการค้าภายในเตรียมนัดผู้ผลิตชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน มาหารือสถานการณ์ต้นทุนและราคาจำหน่าย พร้อมขอความร่วมมือทำแคมเปญ "แบ็ค ทู สคูล" นำสินค้าลดราคาเพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้ผู้ปกครอง เผยปีนี้สินค้าที่มีปัญหาช่วงหน้าร้อน หมู ไข่ไก่ มะนาว ยังคงราคาปกติ คาดไม่เห็นมะนาวลูกละ 8 บาทอีก ส่วนกรณีประชาชนซื้อยาแพง แนะแจ้งสายด่วน 1569 จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบให้
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เตรียมที่จะเชิญผู้ผลิตเครื่องแบบนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนมาหารือถึงต้นทุนการผลิตและราคาจำหน่าย รวมถึงขอความร่วมมือในการจัดแคมเปญ แบ็ค ทู สคูล ร่วมกับห้างสรรพสินค้า ในการนำสินค้ามาจำหน่ายในราคาประหยัด เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้แก่ผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอมการศึกษาที่จะถึงในเดือน พ.ค.นี้
ทั้งนี้ ในเดือน เม.ย.-พ.ค. กรมฯ ได้เพิ่มบัญชีจับตาสินค้าเครื่องแบบนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนเป็นพิเศษ เพราะช่วงเปิดเทอมผู้ปกครองต้องซื้อให้บุตรหลาน จึงต้องมีการติดตามสถานการณ์ราคาอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการปรับขึ้นราคาโดยไม่สมเหตุสมผล แต่จากการตรวจสอบในขณะนี้ยังไม่พบว่ามีสินค้ารายการใดปรับขึ้นราคา ซึ่งจะมีการติดตามต่อไป เพราะขณะนี้เป็นแค่ช่วงเริ่มต้น ยังไม่เข้าสู่ช่วงที่ผู้ปกครองซื้อสินค้า
นางนันทวัลย์กล่าวว่า กรมฯ ยังได้สั่งการให้ค้าภายในจังหวัดทั่วประเทศติดตามสถานการณ์ปริมาณผลผลิต และราคาสินค้าเกษตร รวมทั้งสินค้าจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะสินค้าที่มักเป็นปัญหาช่วงหน้าร้อน เช่น มะนาว ผักสด เครื่องดื่ม หมู ไข่ไก่ เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลน หรือฉวยโอกาสขึ้นราคาจำหน่าย ซึ่งเบื้องต้นพบว่าราคาสินค้าส่วนใหญ่ยังทรงตัว โดยเฉพาะมะนาว ปีนี้มั่นใจว่าราคาจะไม่แพงเหมือนปีก่อน และไม่น่าจะถึงลูกละ 8 บาท เพราะปัจจุบันเกษตรกรมีเทคนิคในการเพาะปลูกที่ทำให้ผลผลิตออกได้ทั้งปี จึงไม่มีปัญหาขาดแคลน
ส่วนกรณีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ขอให้กระทรวงพาณิชย์ ดูแลราคายาที่ให้บริการในโรงพยาบาล หลังพบว่ามีราคาสูงเกินจริง และจำหน่ายราคาไม่ตรงกับราคาที่ปิดไว้บนกล่องนั้น กรมฯ เห็นว่าการพิจารณาว่าราคายาหรือบริการเป็นธรรมหรือไม่ต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข ที่ดูแลต้นทุนการผลิตยา ส่วนกระทรวงพาณิชย์จะดูแลไม่ให้เกิดการขาดแคลน และป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอาเปรียบจากการตั้งราคาไม่สมเหตุสมผล ซึ่งหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนและไม่ได้รับความเป็นธรรมในการใช้บริการของสถานพยาบาล หรือซื้อยา สามารถร้องมาได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569
“กรมฯ เคยหารือกับสถานพยาบาลในเรื่องการกำหนดค่าบริการทางการแพทย์หรือราคายามาแล้ว แต่ละโรงพยาบาลมีต้นทุนต่างกัน จะกำหนดราคาเดียวกันคงไม่ได้ อีกทั้งโรงพยาบาลเอกชนเป็นทางเลือกของประชาชน ไม่ใช้บริการก็ได้ แต่ได้กำหนดให้โรงพยาบาลต้องแสดงค่าบริการและราคายาให้ประชาชนได้ทราบ เพื่อช่วยในการตัดสินใจ ส่วนราคายาที่ประชาชนหาซื้อเองแล้วพบว่าแพงเกินจริง หรือปรับขึ้นราคาโดยไม่สมเหตุสมผล ให้ร้องเรียนมาได้ กรมฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ หากพบผิดจริงจะดำเนินการตามกฎหมาย” นางนันทวัลย์กล่าว